ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกับภาวะเศรษฐกิจโลก หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาทั้งจากยูโรโซนและสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลกับการเกิดสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและยุโรป หลังสหรัฐเตรียมเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากยุโรป
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.02% ปิดที่ 377.46 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,438.77 จุด เพิ่มขึ้น 16.00 จุด หรือ +0.30% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,077.64 จุด ลดลง 44.90 จุด หรือ -0.63% ส่วนตลาดหุ้นเยอรมันปิดทำการวานนี้ เนื่องในวันรวมชาติเยอรมัน
ตลาดหุ้นยุโรปขยับลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลกับภาวะเศรษฐกิจโลก หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากยูโรโซนและสหรัฐ โดยไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการของยูโรโซน ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 50.1 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 6 ปี จากระดับ 51.9 ในเดือนส.ค. โดยดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า กิจกรรมในภาคธุรกิจของยูโรโซนยังคงมีการขยายตัว แต่ได้รับปัจจัยกดดันจากภาคการผลิตสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยอรมนี ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการ อยู่ที่ 51.6 ในเดือนก.ย. ลดลงจากระดับ 53.5 ในเดือนส.ค.
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 0.1% ในเดือนส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.2% หลังจากพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนก.ค. โดยการลดลงของคำสั่งซื้อภาคโรงงานได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงในภาคขนส่ง ขณะที่คำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์ดิ่งลง 17.1% หลังจากทะยานขึ้น 52.2% ในเดือนก.ค. ส่วนคำสั่งซื้อคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ลดลงเช่นกัน และเมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐ ลดลง 0.1% ในเดือนส.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและยุโรป หลังจากองค์การการค้าโลก (WTO) อนุมัติให้สหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากยุโรป วงเงิน 7.5 พันล้านดอลลาร์จากกรณีการให้เงินอุดหนุนบริษัทแอร์บัส
อย่างไรก็ตาม หุ้นแอร์บัสของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 4.25% โดยฟื้นตัวขึ้นหลังจากร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันพุธ แต่หุ้นคาร์ฟูร์ ร่วงลง 2.39% และ หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ของอังกฤษ ร่วงลง 3.73%