ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) โดยถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก หลังการเปิดเผยตัวเลขภาคบริการที่ซบเซาของสหรัฐ, อังกฤษ และยูโรโซน โดยหุ้นกลุ่มพลังงานถ่วงตลาดลงมากที่สุดตามการร่วงลงของราคาน้ำมัน
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,077.64 จุด ลดลง 44.90 จุด หรือ -0.63%
ตลาดปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลกับภาวะเศรษฐกิจโลก หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของอังกฤษ, สหรัฐ และยูโรโซน โดยไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหราชอาณาจักร ปรับตัวลงสู่ระดับ 49.5 ในเดือนก.ย. จากระดับ 50.6 ในเดือนส.ค. โดยดัชนี PMI อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคบริการของสหราชอาณาจักรอยู่ในภาวะหดตัว และเป็นการหดตัวครั้งที่ 5 ในรอบกว่า 10 ปี
นอกจากนี้ ไอเอชเอส มาร์กิตยังเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการของยูโรโซน ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 50.1 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 6 ปี จากระดับ 51.9 ในเดือนส.ค.
ส่วนผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงแตะระดับ 52.6 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2559 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 55.3 จากระดับ 56.4 ในเดือนส.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน และสหรัฐ-ยุโรป รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) แบบไม่มีข้อตกลง
หุ้นกลุ่มน้ำมันปรับตัวลงตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นบีพี ลบ 1.44% และ หุ้นเชลล์ ลดลง 0.33%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ลดลง 1.00% และ หุ้นเกล็นคอร์ ร่วง 2.06%