ดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ ขานรับการคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด
ณ เวลา 20.33 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,342.03 จุด บวก 140.99 จุด หรือ 0.54%
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาการปรับตัวของดัชนีดาวโจนส์ทั้งสัปดาห์ ก็มีแนวโน้มที่ดาวโจนส์จะปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 136,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 145,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี และต่ำกว่าระดับ 3.7% ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาสราว 79.6% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 29-30 ต.ค.
หากเฟดตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ก็จะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ของเฟดในปีนี้ รวมทั้งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงิน 3 ครั้งติดต่อกัน
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.49 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 5.45 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 5.40 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค.
อย่างไรก็ดี สหรัฐขาดดุลการค้าต่อจีนลดลง 3.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และลดลง 11.4% เมื่อเทียบรายปี
นอกจากนี้ สหรัฐขาดดุลการค้าต่อสหภาพยุโรปลดลง 23.7% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน แต่เพิ่มขึ้น 8.1% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ขาดดุลการค้าต่อเยอรมนีพุ่งแตะระดับ 7.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
กระทรวงพาณิชย์ยังเปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.079 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค. ส่วนการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.628 แสนล้านดอลลาร์