ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (8 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นจากความวิตกเกี่ยวกับการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปแบบไม่มีข้อตกลง (no-deal Brexit) หลังแหล่งข่าวจากสำนักคณะรัฐมนตรีอังกฤษระบุว่า เป็นไปไม่ได้ที่อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) จะสามารถบรรลุข้อตกลง Brexit
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,143.15 จุด ลดลง 54.73 จุด หรือ -0.76%
ตลาดปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับ Brexit ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 23 วันก็จะถึงเส้นตายการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU ในวันที่ 31 ต.ค.นี้ แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนต่อกรณี Brexit ขณะที่อังกฤษและ EU เตรียมกล่าวโทษแต่ละฝ่ายว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกรณี no-deal Brexit
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน หลังจากที่สหรัฐได้ประกาศขึ้นบัญชีดำต่อบริษัทเทคโนโลยีของจีน 28 แห่ง โดยอ้างว่าบริษัทเหล่านี้ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวมุสลิม ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในเขตปกครองตนเองซินเจียง และยังมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่เจรจาการค้าของจีนจะเดินทางกลับประเทศก่อนกำหนด โดยจะออกจากกรุงวอชิงตันในวันศุกร์นี้ ส่งผลให้โอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงการค้าริบหรี่ลง ซึ่งตามกำหนดเดิม สหรัฐและจีนจะเจรจาการค้าในระดับรัฐมนตรีในวันที่ 10-11 ต.ค.นี้ที่กรุงวอชิงตัน
ราคาหุ้นของบริษัทลอนดอน สต็อก เอ็กซ์เชนจ์ กรุ๊ป (LSE) ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการตลาดหุ้นลอนดอน ร่วงลงกว่า 5.8% หลังบริษัทฮ่องกง เอ็กซ์เชนจ์ แอนด์ เคลียริ่ง ลิมิเต็ด (HKEX) ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการตลาดหุ้นฮ่องกง ได้ประกาศยกเลิกแผนการเสนอเทคโอเวอร์ LSE วงเงิน 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นเพจกรุ๊ป และ หุ้นโรเบิร์ต วอลเตอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทจัดหางาน ร่วง 12% และ 6% ตามลำดับ หลังเปิดเผยว่า ปัญหาด้านเศรษฐกิจมหภาค อาทิ สงครามการค้าสหรัฐ-จีน, การประท้วงในฮ่องกง และ สถานการณ์ Brexit ส่งผลกระทบต่อการดำเนินของบริษัท