ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 ต.ค.) ขานรับรายงานข่าวที่ว่า จีนพร้อมที่จะทำข้อตกลงการค้าบางส่วนกับสหรัฐ และจะเพิ่มการซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐ ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกที่ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า การเจรจาการค้าของทั้งสองฝ่ายจะมีความคืบหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนนี้ หลังจากรายงานการประชุมในเดือนก.ย.บ่งชี้ว่า กรรมการเฟดมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,346.01 จุด เพิ่มขึ้น 181.97 จุด หรือ +0.70% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,919.40 จุด เพิ่มขึ้น 26.34 จุด หรือ +0.91% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,903.74 จุด เพิ่มขึ้น 79.96 จุด หรือ +1.02%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จีนพร้อมที่จะหารือเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าบางส่วนกับสหรัฐ ตราบใดที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไม่ได้เพิ่มการจัดเก็บภาษีต่อจีน ซึ่งรวมถึงแผนการเพิ่มอัตราภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนที่มีกำหนดในเดือนนี้ และเดือนธ.ค.
บลูมเบิร์กยังรายงานด้วยว่า จีนจะเสนอซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐเป็นการตอบแทน ซึ่งสอดคล้องกับที่หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์สรายงานว่า จีนยื่นข้อเสนอซื้อสินค้าเกษตรรายปีจากสหรัฐเพิ่มขึ้น
นักลงมองว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นสัญญาณบวกที่อาจทำให้การเจรจาในระดับรัฐมนตรีระหว่างสหรัฐและจีนในวันที่ 10-11 ต.ค.นี้ มีความคืบหน้ามากขึ้น โดยการประชุมดังกล่าวจะจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตัน ซึ่งนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเป็นผู้นำคณะเจรจาการค้าของจีน ขณะที่ฝ่ายสหรัฐนำโดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR)
คริส โลว์ นักวิเคราะห์จากเอฟทีเอ็น ไฟแนนเชียล กล่าวว่า ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 29-30 ต.ค.นี้ เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หลังจากรายงานการประชุมเมื่อวันที่ 17-18 ก.ย.ระบุว่า กรรมการเฟดมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ รวมทั้งความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเผชิญภาวะขาลง หรืออาจร้ายแรงถึงขั้นถดถอย อันเนื่องมาจากผลกระทบของข้อพิพาทการค้า และการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นขานรับความหวังในการทำข้อตกลงการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ดีดตัวขึ้น 1.2% หุ้นอเมซอนดอทคอม เพิ่มขึ้น 0.97% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล เพิ่มขึ้น 1.09% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 1.9% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) เพิ่มขึ้น 0.8% และหุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 1.5%
หุ้นแอปเปิล ปิดตลาดดีดตัวขึ้น 1.17% แม้เผชิญแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากหนังสือพิมพ์พีเพิล เดลี ซึ่งเป็นสื่อกระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้กล่าวโจมตีบริษัทแอปเปิล อิงค์ ว่า ทางบริษัทปล่อยให้แอปพลิเคชันแผนที่บนแอปสโตร์สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกงได้ ซึ่งทำให้กลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกงใช้ประโยชน์จากแอปพลิเคชันดังกล่าวในการชุมนุมที่นำไปสู่ความรุนแรง
หุ้นโบอิ้ง ขยับขึ้นเพียง 0.2% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดการส่งมอบเครื่องบินโบอิ้ง MAX 737 เพียง 5 ลำในไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งน้อยกว่าตัวเลขที่รายงานในไตรมาส 2 อันเนื่องมาจากผลกระทบของการสั่งระงับการขึ้นบินของเครื่องรุ่นดังกล่าว
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ดีดขึ้น 1.1% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นอาปาเช คอร์ป พุ่งขึ้น 1.4%
หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นอาลีบาบา เพิ่มขึ้น 2.01% หุ้น JD.com พุ่งขึ้น 2.3% หุ้น Pinduoduo ปรับตัวขึ้น 1.7%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน