ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทะยานกว่า 200 จุด หลังมีข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะพบปะกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งเป็นผู้นำคณะเจรจาการค้าของจีน ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งทำให้มีความหวังว่าสหรัฐและจีนจะมีความคืบหน้าในการเจรจาการค้า
ณ เวลา 22.57 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,563.30 จุด บวก 217.29 จุด หรือ 0.82%
ราคาหุ้นแคทเธอร์ พิลลาร์พุ่งขึ้นเกือบ 3% ในการซื้อขายวันนี้ โดยหุ้นของบริษัทดังกล่าวถือเป็นตัวชี้วัดสภาวะการค้าของสหรัฐ เนื่องจากมีการลงทุนจำนวนมากในต่างประเทศ
หุ้นแอปเปิลดีดตัวขึ้นมากกว่า 1% ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นมากกว่า 2%
"ถือเป็นวันยิ่งใหญ่ในการเจรจาการค้ากับจีน พวกเขาต้องการทำข้อตกลง แต่ผมล่ะ ผมจะพบปะกับท่านรองนายกรัฐมนตรีของจีนในวันพรุ่งนี้ที่ทำเนียบขาว" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความดังกล่าว ท่ามกลางข่าวที่สับสนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ก่อนหน้านี้ ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ระบุว่า รายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
"เราไม่ได้รับทราบข่าวที่ว่ามีการเปลี่ยนแปลงแผนการเดินทางของท่านรองนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด" โฆษกทำเนียบขาวกล่าว
เจ้าหน้าที่รัฐบาลอีกรายหนึ่งกล่าวว่า นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งเป็นผู้นำคณะเจรจาการค้าของจีน ยังคงมีกำหนดเดินทางกลับประเทศในช่วงค่ำของวันศุกร์ และสหรัฐยังคงจัดเตรียมอาหารค่ำให้แก่คณะเจรจาการค้าของจีนในช่วงเย็นวันนี้ที่กรุงวอชิงตัน
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานว่า การเจรจาการค้าระดับรัฐมนตรีช่วยระหว่างสหรัฐและจีนในวันที่ 7-8 ต.ค. ไม่ประสบความคืบหน้าแต่อย่างใด
เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ ยังรายงานว่า การเจรจาการค้าระดับรัฐมนตรีระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งเดิมมีกำหนดในวันที่ 10-11 ต.ค. จะเหลือเพียงวันเดียว คือวันที่ 10 ต.ค. โดยคณะเจรจาการค้าของจีนจะเดินทางกลับประเทศในวันพฤหัสบดี แทนที่จะเป็นวันศุกร์ ขณะที่การเจรจาได้หยุดชะงักลง เนื่องจากจีนได้ปฏิเสธที่จะเจรจาเกี่ยวกับประเด็นการบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยี
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สหรัฐกำลังพิจารณาระงับการปรับขึ้นภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนในวันที่ 15 ต.ค.เพื่อแลกกับการทำข้อตกลงด้านปริวรรตเงินตรากับจีน
ทั้งนี้ สหรัฐมีกำหนดเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 30% ในวันที่ 15 ต.ค. จากเดิมที่ระดับ 25% และมีกำหนดเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.6 แสนล้านดอลลาร์ ในวันที่ 15 ธ.ค.
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 ราย สู่ระดับ 210,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 219,000 ราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 1,000 ราย สู่ระดับ 213,750 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปทรงตัว หรือเพิ่มขึ้น 0% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค.
การชะลอตัวของดัชนี CPI ทั่วไปได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของราคาพลังงาน และรถยนต์ แม้ว่าราคาอาหารปรับตัวขึ้น
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ทั่วไปเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.7% เช่นกันในเดือนส.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปจะเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 1.8% เมื่อเทียบรายปี
หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ติดต่อกัน 3 เดือน
การชะลอตัวของดัชนี CPI พื้นฐานได้ถูกกดดันจากการปรับตัวลงของราคาเสื้อผ้า และรถยนต์ใหม่
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 2.4% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 2.4% เช่นกันในเดือนส.ค.