ดัชนีดาวโจนส์พุ่งเกือบ 400 จุดในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นต่อการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ณ เวลา 20.51 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,886.77 จุด บวก 390.10 จุด หรือ 1.47%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและธนาคารพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้
หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์รายงานว่า สหรัฐและจีนจะประกาศข้อตกลงการค้าในวันนี้ ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐระงับการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน
ทั้งนี้ สหรัฐมีกำหนดเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 30% ในวันที่ 15 ต.ค. จากเดิมที่ระดับ 25% และมีกำหนดเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.6 แสนล้านดอลลาร์ ในวันที่ 15 ธ.ค.
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและจีนเมื่อวานนี้ เป็นไปอย่างราบรื่น
"การเจรจาวันแรกเป็นไปอย่างราบรื่นมากๆ เรามีการพูดคุยที่ดีมากๆกับทางจีน และเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายน่าจะได้ข้อสรุปในประเด็นทั่วไป เราจะเจรจากับจีนต่อในวันศุกร์ สิ่งที่เห็นในขณะนี้คือ การเจรจาเป็นไปด้วยดี" ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งกล่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างทั้งสองฝ่ายดีกว่าที่คาดไว้
การเจรจาระดับรัฐมนตรีระหว่างสหรัฐและจีนได้เริ่มขึ้นเมื่อวานนี้ และจะมีการหารือต่อไปในวันนี้ โดยนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน เป็นผู้นำคณะเจรจาการค้าของจีน ขณะที่ฝ่ายสหรัฐนำโดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR)
ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า เขาจะพบปะกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ที่ทำเนียบขาวในวันนี้ ซึ่งทำให้มีความหวังว่าสหรัฐและจีนจะมีความคืบหน้าในการเจรจาการค้า โดยการพบปะดังกล่าวจะมีขึ้นในเวลา 14.45 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือคืนนี้เวลา 01.45 น.ตามเวลาไทย
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าดีดตัวขึ้นมากกว่าคาดในเดือนก.ย. โดยปรับตัวขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.2% ในเดือนส.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีราคานำเข้าจะทรงตัวในเดือนก.ย.
ดัชนีราคานำเข้าได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปลายเดือนนี้
ตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 29-30 ต.ค.นี้ หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอในภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐ โดยได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน รวมทั้งการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาดในเดือนก.ย. แม้อัตราการว่างงานแตะระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี
นอกจากนี้ การเปิดเผยตัวเลขดัชนี CPI และ PPI ที่ชะลอตัวในเดือนก.ย. ก็เป็นอีกปัจจัยที่หนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้