ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีความหวังว่า อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) จะสามารถทำข้อตกลงการถอนตัวของอังกฤษออกจาก EU (Brexit) และ นักลงทุนยังคาดหวังว่า สหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้า หลังการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงเสร็จสิ้นลงในวันศุกร์
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,247.08 จุด เพิ่มขึ้น 60.72 จุด หรือ +0.84%
ตลาดปรับตัวขึ้นขานรับความหวังที่อังกฤษและ EU จะสามารถบรรลุข้อตกลง Brexit หลังจากนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และนายลีโอ วารัดคาร์ นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ได้พบปะกันเมื่อวันพฤหัสบดีเพื่อเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลง Brexit โดยหลังเสร็จสิ้นการประชุม ทั้งสองฝ่ายออกแถลงการณ์ระบุว่า ผู้นำทั้งสองมีการหารือในเชิงสร้างสรรค์ และเชื่อว่าการทำข้อตกลงจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย และเห็นพ้องกันว่ายังคงมีทางที่จะบรรลุข้อตกลงก่อนกำหนดเส้นตาย Brexit ในวันที่ 31 ต.ค.นี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความหวังที่เพิ่มขึ้นว่า สหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าบางส่วน และจะส่งผลให้สหรัฐระงับการเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มขึ้น จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 15 ต.ค.นี้
นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน และนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ ได้เสร็จสิ้นการหารือกันแล้วในวันศุกร์
หุ้นกลุ่มก่อสร้างบ้าน, กลุ่มธนาคาร และ กลุ่มค้าปลีก ทะยานขึ้นนำตลาด โดยหุ้นเพอร์ซิมมอน พุ่ง 10.86%, หุ้นบาร์เรตต์ บวก 3.28%, หุ้นเทย์เลอร์ วิมพีย์ ทะยานขึ้น 10.83%, หุ้นลอยด์ส พุ่งขึ้น 12.27%, หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ พุ่ง 11.46% และ หุ้นคิงฟิสเชอร์ บวก 9.02%