ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวลดลงในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะเปิดแดนลบในคืนนี้ หลังมีรายงานว่าจีนต้องการคุยเพิ่มก่อนเซ็นข้อตกลงขั้นแรกกับสหรัฐ ซึ่งรายงานข่าวล่าสุดนี้ทำให้นักลงทุนรู้สึกไม่แน่ใจเกี่ยวกับการทำข้อตกลงระหว่างสองประเทศว่าจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่
ณ เวลา 17.22 น. ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลดลง 118 จุด หรือ 0.44% สู่ระดับ 26,657 จุด
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการเจรจาการค้าระหว่างจีน-สหรัฐเปิดเผยว่า จีนต้องการเจรจาเพิ่มเติมกับสหรัฐอีกอย่างเร็วที่สุดในช่วงปลายเดือนต.ค.นี้ เพื่อสรุปรายละเอียดของข้อตกลงการค้าขั้นแรกก่อนที่ผู้นำทั้งสองจะลงนามร่วมกัน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวรายหนึ่งว่า ทางฝั่งจีนอาจส่งคณะผู้แทนเจรจา ซึ่งนำโดยรองนายกรัฐมนตรี หลิว เหอ ไปสรุปข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อให้ผู้นำทั้งสองประเทศลงนามร่วมกันได้ในการประชุมสุดยอดผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ในเดือนหน้าที่ประเทศชิลี
ขณะที่แหล่งข่าวอีกรายระบุว่า จีนยังต้องการให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ล้มเลิกแผนการขึ้นภาษีนำเข้าในเดือนธ.ค.ด้วย นอกเหนือไปจากที่เสนอว่าจะยกเลิกการขึ้นภาษีตามกำหนดการในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ สหรัฐมีกำหนดเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 30% ในวันที่ 15 ต.ค. จากเดิมที่ระดับ 25% และมีกำหนดเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.6 แสนล้านดอลลาร์ ในวันที่ 15 ธ.ค.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวสหรัฐและจีนประกาศข้อตกลงการค้าบางส่วน หลังปธน.ทรัมป์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวหลังการเจรจากับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนว่า สหรัฐและจีนได้บรรลุข้อตกลงการค้าที่สำคัญขั้นแรก โดยบรรลุข้อตกลงในด้านทรัพย์สินทางปัญญา บริการทางการเงิน และการซื้อสินค้าเกษตรจำนวนมาก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จีนและสหรัฐมีความคืบหน้าอย่างมากในหลายๆ ด้าน หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ 2 ประเทศได้หารือกันด้านเศรษฐกิจและการค้ารอบล่าสุดในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ที่ผ่านมา
คณะเจรจาของ 2 ประเทศมีความคืบหน้าอย่างมากในการเจรจาด้านต่างๆ ได้แก่ การเกษตร การปกป้องสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา อัตราแลกเปลี่ยน บริการทางการเงิน การขยายความร่วมมือทางการค้า การถ่ายโอนเทคโนโลยี และการระงับข้อพิพาท
ตลาดมองว่า ข้อตกลงบางส่วนขั้นต้นนี้นับเป็นความคืบหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการแก้ไขข้อพิพาทด้านภาษีระหว่างสองประเทศ อย่างไรก็ดี รายงานข่าวล่าสุดที่ระบุว่า จีนต้องการเจรจาเพิ่มเติมนั้น ทำให้นักลงทุนเริ่มไม่แน่ใจว่าการลงนามข้อตกลงระหว่างสองฝ่ายจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ และส่งผลให้นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายเพื่อรอดูสถานการณ์คืบหน้าต่อไป