ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนไม่แน่ใจเกี่ยวกับความคืบหน้าด้านการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน และยังคงวิตกเกี่ยวกับความไม่แน่นอนที่อังกฤษจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) แบบมีข้อตกลงในสิ้นเดือนนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.49% ปิดที่ 389.69 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,643.08 จุด ลดลง 22.39 จุด หรือ -0.40%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,486.56 จุด ลดลง 25.09 จุด หรือ -0.20% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,213.45 จุด ลดลง 33.63 จุด หรือ -0.46%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงโดยถูกกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า จีนต้องการเจรจามากขึ้นก่อนที่จะลงนามในข้อตกลงขั้นต้นกับสหรัฐ ซึ่งทำให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้า
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และกระบวนการ Brexit
เจ้าหน้าที่ระบุว่า EU ต้องการความยินยอมมากขึ้นจากนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และระบุว่า ยังไม่มีแนวโน้มที่ EU และอังกฤษ จะสามารถทำข้อตกลง Brexit ได้ภายในสัปดาห์นี้
หุ้นกลุ่มเหมืองร่วงลงนำตลาด โดยถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจีน โดยหุ้นเกล็นคอร์ ร่วง 2.80% และหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วง 2.50%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงด้วย โดยถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนที่ลดลง เนื่องจากนักลงทุนพากันเข้าซื้อพันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย โดยหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ และ หุ้นโซซิเอเต เจเนอราล ลบ 0.79% และ 0.16% ตามลำดับ
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์, กลุ่มสาธารณูปโภค และ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ปรับตัวลงด้วย
ส่วนหุ้นโรช โฮลดิ้ง และหุ้นโนวาร์ติส ปรับตัวลง 0.4% และ 0.8% ตามลำดับ หลังมีรายงานว่า สหรัฐกำลังพิจารณาที่จะเก็บภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์ด้านเวชภัณฑ์ของสวิตเซอร์แลนด์