ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นเกือบ 100 จุดในช่วงเปิดตลาดวันนี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) สามารถบรรลุข้อตกลงของอังกฤษในการถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ณ เวลา 20.53 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 95.07 จุด หรือ 0.35% แตะที่ระดับ 27,097.05 จุด
นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ Brexit หลังจากที่สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปบรรลุข้อตกลงใหม่ โดยทั้งนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และนายฌอง-คล้อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ต่างทวีตข้อความยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันแล้ว
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ย. ดัชนีการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และการผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนก.ย.
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 4,000 ราย สู่ระดับ 214,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่า อาจเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 215,000 ราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 1,000 ราย สู่ระดับ 214,750 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านร่วงลง 9.4% ในเดือนก.ย. สู่ระดับ 1.256 ล้านยูนิต เมื่อเทียบกับระดับ 1.386 ล้านยูนิตในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2550 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน อาจลดลงสู่ระดับ 1.320 ล้านยูนิตในเดือนก.ย.
เมื่อเทียบรายปี ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนก.ย.
นอกจากนี้ กระทรวงรายงานว่า การอนุญาตก่อสร้างบ้านลดลง 2.7% สู่ระดับ 1.387 ล้านยูนิตในเดือนก.ย. หลังจากพุ่งขึ้นสู่ 1.425 ล้านยูนิตในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2550
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานในวันนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐลดลง 0.4% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. หรือในรอบห้าเดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวม เป็นการวัดการปรับตัวของภาคโรงงาน เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค ซึ่งการปรับตัวลงของการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมในเดือนก.ย.นั้น เป็นผลมาจากการหดตัวของผลผลิตทั้งจากภาคโรงงานและภาคเหมืองแร่ มีเพียงภาคสาธารณูปโภคเท่านั้นที่มีการผลิตเพิ่มขึ้น โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยสภาพอากาศ
รายงานระบุว่า การผลิตของภาคโรงงาน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนขนาดใหญ่ที่สุดในการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวม ลดลง 0.5% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการลดลงเป็นครั้งที่สองในรอบสามเดือน โดยมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากผลผลิตรถยนต์ที่ลดลง อันเนื่องมาจากการหยุดงานประท้วงของสหภาพแรงงานบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ซึ่งหากไม่รวมผลผลิตรถยนต์ การผลิตของโรงงานผลิตเดือนก.ย. จะลดลง 0.2%
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังติดตามสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีน ตลอดจนการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนด้วยเช่นกัน