ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ต.ค.) โดยถูกกดดันจากข่าวเชิงลบเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐ อาทิ บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และบริษัทโบอิ้ง รวมไปถึงการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาจากจีน ซึ่งทำให้นักลงทุนลังเลที่จะเข้าซื้อหุ้น แม้บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งก็ตาม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,770.20 จุด ลดลง 255.68 จุด หรือ -0.95%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,986.20 จุด ลดลง 11.75 จุด หรือ -0.39% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,089.54 จุด ลดลง 67.31 จุด หรือ -0.83%
หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง โดยหุ้นลบนำตลาดได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งลดลง 0.72%
ตลาดถูกกดดันจากข่าวเชิงลบของบริษัทจดทะเบียน และนักลงทุนวิตกกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกด้วยหลังสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2562 ขยายตัว 6.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 6.1%
นอกจากนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกลงสู่ระดับ 3.0% ในปีนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกในปี 2551-52 จากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนก.ค.ที่ระดับ 3.2%
หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ร่วงลง 6.22% ท่ามกลางข่าวว่า บริษัทได้เรียกคืนแป้งเด็กที่อาจมีแร่ใยหินปนเปื้อน โดยบริษัทระบุว่า กำลังร่วมมือกับสำนักงานอาหารและยาในการตรวจสอบที่เกี่ยวข้อง
หุ้นโบอิ้งดิ่งลง 6.8% หลังสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ข้อความระหว่างพนักงาน 2 คนบ่งชี้ว่า โบอิ้งทำให้สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) เข้าใจผิดเกี่ยวกับความปลอดภัยของเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX
หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ร่วง 2.0% แม้รายงานผลกำไร Q3/2562 ดีเกินคาดก็ตาม
ส่วนหุ้นโคคา-โคลา บวก 1.84% หลังรายงานรายได้ที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 3/2562 และปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ปีนี้
FactSet รายงานว่า บริษัทกว่า 70 แห่งในดัชนี S&P 500 รายงานผลประกอบการ Q3 ออกมาแล้ว ซึ่ง 81% มีผลประกอบการสูงเกินกว่าที่ตลาดคาดไว้
อย่างไรก็ตาม Refinitiv ซึ่งให้บริการข้อมูลการเงินรายงานว่า บรรดานักวิเคราะห์คาดว่าผลประกอบการโดยรวมของบริษัทในดัชนี S&P 500 ใน Q3/2562 จะลดลง 3.1%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ประจำเดือนก.ย.ปรับตัวลง 0.1% สู่ระดับ 111.9 หลังจากที่ลดลง 0.2% ในเดือนส.ค. และเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค.