ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจากการประกาศผลประกอบการในไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้อานิสงส์จากมุมมองในเชิงบวกต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ณ เวลา 19.01 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 42 จุด หรือ 0.16% สู่ระดับ 26,796 จุด
นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า จีนและสหรัฐจะทำงานร่วมกันในการแก้ไขปัญหาทางการค้า ซึ่งขณะนี้การเจรจามีความคืบหน้าอย่างมาก
ทางด้านโกลด์แมน แซคส์ประกาศปรับลดโอกาสที่จะเกิดสถานการณ์การแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปโดยไร้ข้อตกลง (no-deal Brexit) เหลือเพียง 5% จากเดิม 10%
ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ยังคงมีมุมมองว่าอังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) ภายในวันที่ 31 ต.ค.
ขณะเดียวกัน ซิตี้กรุ๊ประบุว่า ทางธนาคารคาดการณ์ว่าอังกฤษจะแยกตัวออกจาก EU อย่างเป็นระบบ โดยจะมีช่วงการเปลี่ยนผ่านจนถึงเดือนธ.ค.2563, 2564 หรือ 2565
นอกจากนี้ ซิตี้กรุ๊ปยังคาดการณ์ว่าจะมีโอกาสลดลงในการเกิด no-deal Brexit
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์นี้ โดยได้แรงหนุนจากการประกาศผลประกอบการในไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่ง
บริษัทมากกว่า 14% ในดัชนี S&P 500 ได้รายงานผลประกอบการในสัปดาห์ที่แล้ว โดยจำนวน 81% ได้รายงานตัวเลขกำไรที่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
บริษัทราว 120 แห่ง หรือราว 24% ในดัชนี S&P 500 จะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทโบอิ้ง, แคทเธอร์ พิลลาร์, อเมซอน และอินเทล
ขณะนี้ ดัชนี S&P 500 อยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เพียง 1% โดยได้ปัจจัยบวกจากการเปิดเผยผลประกอบการ, มุมมองในเชิงบวกต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
"ขณะนี้ เรามีองค์ประกอบทั้งหมดที่จะผลักดันให้ดัชนีพุ่งทำนิวไฮ โดยเรามีตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใสทั้งในด้านมหภาคและจุลภาค" นายอาร์ท โฮแกน หัวหน้านักวิเคราะห์ของเนชั่นแนล ซิเคียวริตีส์ กล่าว