ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) หลังจากสภาล่างของอังกฤษมีมติไม่เห็นชอบต่อตารางเวลาในการผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ Brexit โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,788.10 จุด ลดลง 39.54 จุด หรือ -0.15% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,995.99 จุด ลดลง 10.73 จุด หรือ -0.36% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,104.30 จุด ลดลง 58.69 จุด หรือ -0.72%
สถานการณ์ Brexit ส่งสัญญาณไร้ทิศทาง หลังจากสมาชิกสภาสามัญชน หรือสภาล่างของอังกฤษ ลงมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมายการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป หรือ Withdrawal Agreement Bill ของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แต่ในการลงมติต่อตารางเวลาในการผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ Brexit ซึ่งรัฐบาลให้เวลาเพียง 3 วันนั้น สภาล่างมีมติไม่เห็นชอบต่อตารางเวลาดังกล่าว
ผลการลงมติที่ออกมาเช่นนี้ บ่งชี้ว่า อังกฤษจะไม่สามารถแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) ตามกำหนดเดิมภายในวันที่ 31 ต.ค. ส่งผลให้ EU จะต้องให้การอนุมัติขยายเส้นตาย Brexit ออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้อังกฤษแยกตัวจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit) ขณะเดียวกัน นายจอห์นสันอาจประกาศยุบสภา และจัดการเลือกตั้งใหม่ตามคำขู่ของเขาก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นบริษัทโซเชียลมีเดีย โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ดิ่งลง 3.9% หุ้นทวิตเตอร์ ร่วงลง 3.2% หลังจากวุฒิสมาชิกสหรัฐทั้งจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันได้เสนอร่างกฎหมายที่จะกำหนดว่า ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต้องเปิดทางให้ผู้ใช้งานสามารถย้านฐานข้อมูลของตนไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ดี บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสและช่วยหนุนราคาหุ้นดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้น P&G พุ่งขึ้น 2.6% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.37 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.24 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นฮาร์ลีย์-เดวิดสัน อิงค์ ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 8% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 70 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 52 เซนต์/หุ้น
บริษัทยูไนเต็ด พาร์เซิล เซอร์วิส (UPS) ซึ่งเป็นบริษัทรับส่งพัสดุภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 2.07 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.06 ดอลลาร์/หุ้น อย่างไรก็ดี ราคหุ้น UPS ปิดตลาดร่วงลง 2.1%
หุ้นล็อคฮีด มาร์ติน ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินรบและอาวุธรายใหญ่ที่สุดของโลก ขยับขึ้น 0.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.517 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับระดับ 1.432 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
หุ้นแมคโดนัลด์ ร่วงลง 5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 2.11 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.21 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นโบอิ้ง ดีดตัวขึ้น 1.8% หลังจากผู้บริหารของบริษัทยูไนเต็ด เทคโนโลยี ได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า โบอิ้งจะสามารถรักษาระดับการผลิตเครื่องบิน 737 Max ที่ระดับปัจจุบันเอาไว้ได้ในปีนี้
นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยนายหลี่ ยู่เฉิง รมช.ต่างประเทศของจีน กล่าวว่า จีนและสหรัฐประสบความคืบหน้าในการเจรจาการค้า และทั้งสองฝ่ายจะสามารถแก้ไขปัญหาใดๆได้ ตราบใดที่มีความเคารพซึ่งกันและกัน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 2.2% สู่ระดับ 5.38 ล้านยูนิตในเดือนก.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านจะลดลงสู่ระดับ 5.45 ล้านยูนิต
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนส.ค.,จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน