ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มธุรกิจของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างแคทเธอร์พิลลาร์ และโบอิ้ง แม้ทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยกว่าคาดก็ตาม ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทอื่นๆในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์ และฟอร์ด มอเตอร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,833.95 จุด เพิ่มขึ้น 45.85 จุด หรือ +0.17% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,004.52 จุด เพิ่มขึ้น 8.53 จุด หรือ +0.28% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,119.79 จุด เพิ่มขึ้น 15.50 จุด หรือ +0.19%
หุ้นโบอิ้ง ปิดตลาดดีดตัวขึ้น 1.04% โดยแม้ว่าโบอิ้งเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ลดลง 53% แต่ทางบริษัทยังคงยืนยันเกี่ยวกับกรอบเวลาในการนำเครื่องบินโบอิ้ง 737 Max กลับสู่การให้บริการ ซึ่งทำให้นักลงทุนยังคงมีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มธุรกิจของโบอิ้ง
หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดในโลก พุ่งขึ้น 1.23% หลังจากบริษัทได้แสดงความเชื่อมั่นว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวล แม้แคทเธอร์พิลลาร์เปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 3 ที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ก็ตาม
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 2.7% ขานรับสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงอย่างเหนือความคาดหมาย โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดีดตัวขึ้น 1.5% หุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 0.9% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 0.15% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 5.5% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 3.05% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 1.6%
หุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 1.3% หลังจากนักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า "Apple TV plus" ซึ่งเป็นบริการวิดีโอสตรีมมิ่งที่แอปเปิลเตรียมเปิดตัวเร็วๆนี้ จะช่วยให้รายได้ด้านการบริการของแอปเปิลเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 2.1% โดยได้แรงหนุนจากการที่นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊ก พยายามทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐมีความเชื่อมั่นในสกุลเงินลิบรา ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลของเฟซบุ๊ก
อย่างไรก็ดี หุ้นเท็กซัส อินสตรูเมนท์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 7.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งได้ฉุดหุ้นบริษัทผลิตชิปรายอื่นๆร่วงลงด้วย โดยหุ้นบรอดคอม ร่วงลง 2.5% หุ้นควอลคอมม์ ร่วงลง 1.6% หุ้นอินเทล ปรับตัวลง 0.5% หุ้น Nvidia ลดลง 0.3%
หุ้นไนกี้ ผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬารายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 3.4% หลังจากบริษัทแถลงว่า นายมาร์ค ปาร์เกอร์ จะก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอของบริษัทในปีหน้า และนายจอห์น ดานาโฮ ผู้บริหารของบริษัทเซอร์วิสนาว อิงค์ จะเข้ามาดำรงตำแหน่งซีอีโอของไนกี้แทนนายปาร์เกอร์ ขณะที่ข่าวดังกล่าวได้ฉุดราคาหุ้นเซอร์วิสนาว ดิ่งลง 3.6%
นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์, ฟอร์ด มอเตอร์ และเทสลาร์
ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 29-30 ต.ค.นี้ ขณะที่ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 94.6% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน