ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตรถยนต์และกลุ่มเวชภัณฑ์ หลังจากบริษัทในกลุ่มดังกล่าวเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด นอกจากนี้ การคาดการณ์ที่ว่า สหภาพยุโรป (EU) จะอนุมัติให้อังกฤษขยายกำหนดเวลาการถอนตัวออกจาก EU (Brexit) นั้น ได้ช่วยหนุนตลาดด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.59% ปิดที่ 397.37 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,684.33 จุด เพิ่มขึ้น 30.90 จุด หรือ +0.55%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,872.10 จุด เพิ่มขึ้น 73.91 จุด หรือ +0.58% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,328.25 จุด เพิ่มขึ้น 67.51 จุด หรือ +0.93%
หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ได้แรงหนุน หลังบริษัทแอสตราเซเนกาเปิดเผยยอดขายและผลกำไรไตรมาส 3 ออกมาดีเกินคาด ขณะที่หุ้นกลุ่มรถยนต์ได้แรงหนุนจากการที่บริษัทเดมเลอร์ เอจีของเยอรมนีรายงานผลกำไรจากการดำเนินงานออกมาดีเกินคาด
หุ้นแอสตราเซเนกา พุ่งขึ้น 5.55%, หุ้นแกล็คโซ่สมิธไคลน์ บวก 1.73% และ หุ้นโนวาติส เพิ่มขึ้น 1.05%
หุ้นเดมเลอร์ พุ่งขึ้น 3.25%, หุ้นเปอโยต์ บวก 0.89% และ หุ้นโฟล์คสวาเกน ปรับตัวขึ้น 1.97%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า หากอังกฤษไม่สามารถแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) ตามกำหนดเดิมภายในวันที่ 31 ต.ค.นี้ EU ก็จะต้องให้การอนุมัติขยายเส้นตาย Brexit ออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้อังกฤษแยกตัวจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit) ขณะที่สื่อรายงานว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมประกาศยุบสภา และจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด
ตลาดปรับตัวรับผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของนายมาริโอ ดรากี ในฐานะประธาน ECB โดยที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% และเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์, คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%