ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (24 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของยูโรโซนและฝรั่งเศส, ราคาหุ้นแอสตราเซเนกาที่พุ่งขึ้นอย่างมาก และหุ้นกลุ่มส่งออกปรับตัวขึ้นขานรับเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงจากความวิตกเกี่ยวกับกระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,328.25 จุด เพิ่มขึ้น 67.51 จุด หรือ +0.93%
ตลาดปรับตัวขึ้นขานรับข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของยูโรโซนและฝรั่งเศส โดยไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.2 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 50.1 ในเดือนก.ย.
ส่วนดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของฝรั่งเศส ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 52.6 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 50.8 ในเดือนก.ย.
ดัชนี PMI ที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตและบริการของยูโรโซนและฝรั่งเศสมีการขยายตัว
ตลาดได้แรงหนุนจากหุ้นแอสตราเซเนกา ซึ่งพุ่งขึ้น 5.55% หลังบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรปี 2562 และช่วยหนุนหุ้นแกล็คโซ่สมิธไคลน์ บวก 2.19%
เงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกด้วย โดยนักลงทุนเทขายปอนด์ออกมาก่อนที่สหภาพยุโรป (EU) จะตัดสินใจว่าจะอนุมัติให้อังกฤษขยายกำหนดเวลา Brexit ออกไปจากวันที่ 31 ต.ค.นี้หรือไม่ ขณะที่สื่อรายงานว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมประกาศยุบสภา และจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด