ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นกว่า 130 จุดเมื่อคืนนี้ (28 ต.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ส่งสัญญาณว่าจะลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนก่อนการประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,090.72 จุด เพิ่มขึ้น 132.66 จุด หรือ +0.49% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,039.42 จุด เพิ่มขึ้น 16.87 จุด หรือ +0.56% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,325.99 จุด เพิ่มขึ้น 82.87 จุด หรือ +1.01%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากปธน.ทรัมป์กล่าวเมื่อวานนี้ว่า เขาจะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีน ก่อนการประชุมเอเปคซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศชิลีในวันที่ 16-17 พ.ย. โดยตามกำหนดเดิมนั้น เขาและปธน.สี จิ้นผิงจะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกในการประชุมดังกล่าว
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของปธน.ทรัมป์นับเป็นการส่งสัญญาณว่า สหรัฐและจีนใกล้จะได้ข้อสรุปที่อาจนำไปสู่การลงนามในข้อตกลงการค้า หลังจากข้อพิพาทการค้าระหว่างสองประเทศได้สร้างความวิตกกังวลต่อตลาดการเงินทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปพุ่งขึ้นขานรับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยหุ้นเอทีแอนด์ที พุ่งขึ้น 4.4% หุ้น หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ดีดขึ้น 1.4% หุ้น Nvidia เพิ่มขึ้น 1.1%% หุ้นบรอดคอม เพิ่มขึ้น 0.6% หุ้นอินเทล บวก 0.5%
หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.4% ขานรับข่าวไมโครซอฟท์ชนะการประมูลสัญญาให้บริการระบบคลาวด์ คอมพิวติ้ง มูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์แก่กระทรวงกลาโหมของสหรัฐ โดยสามารถเอาชนะคู่แข่งอย่างอเมซอนดอทคอม
หุ้นทิฟฟานี่ ทะยานขึ้น 31.6% หลังจากบริษัทแอลวีเอ็มเอช เจ้าของแบรนด์ดังอย่าง หลุยส์ วิตตอง และจีวองชี่ ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ทางบริษัทได้เสนอซื้อกิจการบริษัท ทิฟฟานี่ แอนด์ โค ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องประดับชั้นนำของสหรัฐ ในวงเงิน 1.45 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้น Spotify Technology ซึ่งเป็นธุรกิจให้บริการมิวสิคสตรีมมิ่งที่มีสมาชิกมากที่สุดในโลก ปิดตลาดพุ่งขึ้น 16% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.73 พันล้านยูโร สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.72 พันล้านยูโร ขณะที่จำนวนสมาชิกในระดับ Premium หรือสมาชิกที่มีการจ่ายค่าบริการ เพิ่มขึ้น 31% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สู่ระดับ 113 ล้านคน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 112.9 ล้านคน
หุ้นวอลกรีนส์ บู้ทส์ อัลลิอันซ์ ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านขายยาของสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 0.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรที่ระดับ 1.43 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 4 ตามปีงบการเงินของบริษัท ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.41 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 29-30 ต.ค. โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 94.1% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนนี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลง 3.6% สู่ระดับ 7.04 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. ขณะที่สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งของสหรัฐลดลง 0.3% ในเดือนก.ย. หลังจากทรงตัวในเดือนส.ค. และเฟดสาขาชิคาโกเปิดเผยว่า ดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ปรับตัวลงสู่ระดับ -0.45 ในเดือนก.ย. หลังจากแตะระดับ +0.15 ในเดือนส.ค.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนส.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ย., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จาก Conference Board, ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนต.ค.จาก ADP, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2562, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.ย., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนต.ค., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนต.ค.