ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์, กลุ่มเหมืองแร่ และกลุ่มอุตสาหกรรม เนื่องจากนักลงทุนขานรับความหวังที่ว่า สหรัฐและจีนใกล้บรรลุข้อตกลงการค้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ทั้ง 27 ประเทศเห็นชอบเรื่องการขยายระยะเวลาการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ไปเป็นวันที่ 31 มกราคม 2563
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,331.28 จุด เพิ่มขึ้น 6.81 จุด หรือ +0.09%
ตลาดปรับตัวขึ้นโดยได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวเมื่อวานนี้ว่า เขาอาจจะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนก่อนการประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่จะมีขึ้นที่ประเทศชิลีในวันที่ 16-17 พ.ย. แต่เขาไม่ได้ระบุกำหนดเวลาในการลงนามที่ชัดเจน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ EU เห็นพ้องกันในการขยายกำหนดเส้นตาย Brexit เป็นวันที่ 31 ม.ค.2563 จากเดิมในวันที่ 31 ต.ค.2562 ซึ่งได้ช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับ Brexit แบบไร้ข้อตกลง
หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นแอสตราเซเนกา บวก 0.74% และหุ้นแกล็คโซ่สมิธไคลน์ เพิ่มขึ้น 1.32%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเกล็นคอร์ บวก 2.24% , หุ้นบีเอชพี เพิ่มขึ้น 1.28% และ หุ้น แองโกล อเมริกัน ปรับตัวขึ้น 1.34%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงตามหุ้นเอชเอสบีซี ซึ่งดิ่งลง 3.7% หลังปรับลดเป้าหมายผลกำไรปี 2563