ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 1.00% ปิดที่ 403.41 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,824.30 จุด เพิ่มขึ้น 62.42 จุด หรือ +1.08%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิด13,136.28 จุด เพิ่มขึ้น 175.23 จุด หรือ +1.35% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,369.69 จุด เพิ่มขึ้น 67.27 จุด หรือ +0.92%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ และกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ทะยานขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการที่นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในระหว่างการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ว่า เขาเชื่อว่าสหรัฐจะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนในเดือนนี้ และคาดว่าบริษัทสหรัฐจะได้รับใบอนุญาตให้จำหน่ายสินค้าให้กับบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ของจีนในเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มรถยนต์ยังได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า บริษัทเฟียต ไครสเลอร์ และบริษัท PSA ซึ่งผลิตรถยนต์เปอโยต์ ตั้งเป้าที่จะลงนามในข้อตกลงควบกิจการขั้นสุดท้ายในต้นเดือนหน้า
หุ้นเฟียต ไครสเลอร์ บวก 2.56%, หุ้น PSA พุ่ง 3.38% และ หุ้นมิชลิน บวก 2.74%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเกล็นคอร์ เพิ่มขึ้น 4.67% และ หุ้นแองโกล อเมริกัน บวก 2.00%
หุ้นไรอันแอร์ พุ่งขึ้น 7.75% หลังเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยหนุนตลาดหุ้นไอร์แลนด์ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี
หุ้นซีเมนส์ เฮลธิเนียร์ส พุ่ง 9.46% หลังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ดีเกินคาด