ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา รวมทั้งแนวโน้มการเตรียมทำข้อตกลงการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่มีความคืบหน้ามากยิ่งขึ้น หลังจากที่นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐได้แสดงความเชื่อมั่นว่า สหรัฐและจีนจะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกในเดือนนี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 23,193.66 จุด เพิ่มขึ้น 342.89 จุด, +1.50% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 27,694.49 จุด เพิ่มขึ้น 147.19 จุด, +0.53% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,600.44 จุด ลดลง 3.12 จุด, -0.19%
สำหรับความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจและการเงินนั้น นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า จีนกำลังเตรียมออกมาตรการเพิ่มเติม 5 รายการ เพื่อส่งเสริมการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจ โดยมาตรการดังกล่าวประกอบด้วยการขยายการเปิดกว้างในตลาดต่อไป ปรับปรุงประสิทธิภาพของกรอบการทำงานเพื่อสร้างความเปิดกว้าง พัฒนาสภาพแวดล้องทางธุรกิจ สานต่อความร่วมมือทั้งในระดับพหุภาคีและทวิภาคีให้ลึกซึ้งมากขึ้น และเดินหน้าสรรสร้างโครงการ Belt and Road
ขณะที่นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมผู้นำธุรกิจซึ่งจัดขึ้นที่เมืองนาโกยาของญี่ปุ่นในวันนี้ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงแข็งแกร่ง แม้รัฐบาลปรับขึ้นภาษีการบริโภค และยังกล่าวด้วยว่า สัญญาณชี้นำล่วงหน้าครั้งใหม่ของ BOJ นั้น ค่อนไปทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
อย่างไรก็ดี นายคุโรดะกล่าวว่า เครื่องมือการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินของ BOJ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ยังมีทางเลือกอื่นๆ อีก หาก BOJ พิจารณาแล้วเห็นว่าสมควรแก่เวลาในการนำมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนต.ค.ของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน อยู่ที่ระดับ 51.1 ลดลงจากระดับ 51.3 ในเดือนก.ย. โดยดัชนี PMI ภาคบริการเดือนต.ค.ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ซึ่งมีสาเหตุมาจากการชะลอตัวของยอดสั่งซื้อใหม่ และความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน
อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคบริการของจีนยังคงมีการขยายตัว ขณะที่ดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัวในภาคบริการ
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐส่งผลให้สินทรัพย์ในรูปสกุลเงินอื่นๆ มีมูลค่าสูงขึ้น
ณ สิ้นเดือนต.ค. ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศอยู่ที่ระดับ 4.0632 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3 พันล้านดอลลาร์จากระดับของเดือนก.ย.