ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นเกือบ 100 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ขานรับความคืบหน้าต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ณ เวลา 19.35 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 71 จุด หรือ 0.26% สู่ระดับ 27,451 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส
นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นราว 18% ขณะที่ดัชนี S&P 500 บวกกว่า 22% และดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้นมากกว่า 27%
นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในระหว่างการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ว่า เขาเชื่อว่าสหรัฐจะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนในเดือนนี้ และคาดว่าบริษัทสหรัฐจะได้รับใบอนุญาตให้จำหน่ายสินค้าให้กับบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ของจีนในเร็วๆนี้
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า การเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเฟสแรกกำลังดำเนินไปด้วยดี และเขาหวังที่จะลงนามข้อตกลงดังกล่าวกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในสหรัฐเมื่อการทำข้อตกลงเสร็จสมบูรณ์ โดยอาจมีการลงนามข้อตกลงการค้ากับจีนที่รัฐไอโอวา ซึ่งเป็นรัฐที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการทำสงครามการค้าระยะเวลาเกือบ 16 เดือนระหว่างสหรัฐและจีน
นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลงต่อสภาคองเกรสเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในวันที่ 13 พ.ย.
ทั้งนี้ นายพาวเวลจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสในวันดังกล่าว เวลา 11.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 23.00 น.ตามเวลาไทย
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดุลการค้าเดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ย.