ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้ โดยปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ขานรับความคืบหน้าต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส โดยบริษัทจำนวนมากในดัชนี S&P 500 ได้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ขณะที่ 75% จากจำนวนดังกล่าวได้รายงานตัวเลขกำไรดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ณ เวลา 21.40 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 27,486.80 จุด บวก 24.69 จุด หรือ 0.09%
นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นราว 18% ขณะที่ดัชนี S&P 500 บวกกว่า 22% และดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้นมากกว่า 27%
นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในระหว่างการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ว่า เขาเชื่อว่าสหรัฐจะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนในเดือนนี้ และคาดว่าบริษัทสหรัฐจะได้รับใบอนุญาตให้จำหน่ายสินค้าให้กับบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ของจีนในเร็วๆนี้
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า การเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเฟสแรกกำลังดำเนินไปด้วยดี และเขาหวังที่จะลงนามข้อตกลงดังกล่าวกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในสหรัฐเมื่อการทำข้อตกลงเสร็จสมบูรณ์ โดยอาจมีการลงนามข้อตกลงการค้ากับจีนที่รัฐไอโอวา ซึ่งเป็นรัฐที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการทำสงครามการค้าระยะเวลาเกือบ 16 เดือนระหว่างสหรัฐและจีน
นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลงต่อสภาคองเกรสเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในวันที่ 13 พ.ย.
ทั้งนี้ นายพาวเวลจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสในวันดังกล่าว เวลา 11.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 23.00 น.ตามเวลาไทย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 5.25 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 5.22 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 5.50 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค.
อย่างไรก็ดี สหรัฐขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 5.4% ในเดือนก.ย. หากเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว
ขณะเดียวกัน สหรัฐขาดดุลการค้าต่อจีนลดลง 3.1% ในเดือนก.ย. สู่ระดับ 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ และขาดดุลการค้าต่อสหภาพยุโรปจำนวน 1.57 หมื่นล้านดอลลาร์
กระทรวงพาณิชย์ยังเปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าลดลงสู่ระดับ 2.06 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. ส่วนการนำเข้าสินค้าลดลงสู่ระดับ 2.584 แสนล้านดอลลาร์