ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ทั้งแดนบวกและลบ ภายหลังจากที่นักลงทุนได้รับปัจจัยบวกจากสถานการณ์การค้าระหว่างจีนและสหรัฐ
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 27,726.04 จุด ลดลง 121.19 จุด, -0.44% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 23,352.10 จุด เพิ่มขึ้น 21.78 จุด, +0.09% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,607.65 จุด ลดลง 1.68 จุด, -0.10%
เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนเปิดเผยว่า ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันที่จะทยอยยกเลิกภาษีสินค้านำเข้าของแต่ละฝ่าย ขณะที่ยังคงเจรจากันต่อไปเพื่อทำข้อตกลงการค้าเฟสแรก
นายแลร์รี่ คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวยืนยันถึงความคืบหน้าดังกล่าวในการเจรจา โดยระบุว่า หากสหรัฐและจีนบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก ก็จะมีการทำข้อตกลงยกเลิกลดภาษีและความยินยอมอื่นๆ
สำหรับความเคลื่อนไหวทางด้านเศรษฐกิจนั้น ล่าสุด มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของอินเดียลงสู่ระดับ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" เนื่องจากความกังวลที่ว่า รัฐบาลอินเดียอาจจะไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นได้ ขณะเดียวกันมูดี้ส์ระบุถึงปัญหาหนี้สินที่เพิ่มขึ้น และรัฐบาลอินเดียกำลังเผชิญกับความยากลำบากในการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณ
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ กระทรวงฝ่ายกิจการภายในประเทศและการสื่อสารของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดการใช้จ่ายภาคครัวเรือนของญี่ปุ่นทำสถิติขยายตัวเร็วเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ย. เนื่องจากผู้บริโภคแห่ซื้อสินค้าจำนวนมาก ก่อนมีการปรับขึ้นภาษีในวันที่ 1 ต.ค.
รายงานระบุว่า การใช้จ่ายของครัวเรือนที่มีสมาชิก 2 คนหรือมากกว่า พุ่งขึ้น 9.5% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 300,609 เยน (2,750ดอลลาร์) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2544
ขณะที่สำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนต.ค.หดตัวลง 0.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งต่ำว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จะหดตัวรุนแรงถึง 3.9% โดยมูลค่าการส่งออกดังกล่าวคำนวณในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ