ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากราคาหุ้นโบอิ้งที่พุ่งขึ้นกว่า 4.5% หลังจากบริษัทแสดงความเชื่อมั่นว่าจะสามารถนำเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737 MAX กลับมาให้บริการในสหรัฐได้ในเดือนม.ค.ปีหน้า อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่เห็นด้วยต่อการยกเลิกภาษีสินค้านำเข้าจากจีน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,691.49 จุด เพิ่มขึ้น 10.25 จุด หรือ +0.04% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,087.01 จุด ลดลง 6.07 จุด หรือ -0.20% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,464.28 จุด ลดลง 11.04 จุด หรือ -0.13%
หุ้นโบอิ้ง ซึ่งเป็นหนึ่งใน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์นั้น ปิดตลาดพุ่งขึ้น 4.55% หลังจากบริษัทโบอิ้งคาดการณ์ว่า เครื่องบินรุ่น 737 MAX จะสามารถกลับมาให้บริการในสหรัฐในเดือนม.ค.ปีหน้า โดยบริษัทกำลังทำการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับซอฟท์แวร์
นอกจากนี้ โบอิ้งระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะเริ่มจัดส่งเครื่องบินรุ่น 737 MAX ให้แก่สายการบินต่างๆในเดือนหน้า และขณะนี้ทางบริษัทกำลังดำเนินการตรวจสอบข้อกำหนดเกี่ยวกับการฝึกอบรม ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นก่อนที่เครื่องบินรุ่น 737 MAX จะสามารถกลับมาให้บริการในเชิงพาณิชย์
หุ้นวอลกรีนส์ บู้ทส์ อัลลิอันซ์ ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านขายยาของสหรัฐ ทะยานขึ้น 5.08% หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า KKR ซึ่งเป็นบริษัทที่ลงทุนในหุ้นนอกตลาด (private equity) ได้เสนอซื้อกิจการของวอลกรีนส์ ขณะที่ผู้บริหารของวอลกรีนส์กำลังพิจารณาข้อเสนอของ KKR
อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากปธน.ทรัมป์กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า เขาไม่เห็นด้วยต่อการยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งคำกล่าวของปธน.ทรัมป์สวนทางกับแถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์จีนที่ว่า สหรัฐและจีนได้ตกลงกันที่จะทยอยยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าของแต่ละฝ่ายที่มีการกำหนดขึ้นในช่วงที่สหรัฐและจีนทำสงครามการค้าก่อนหน้านี้
หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ร่วงลง 1.5% เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาหุ้นจีอีปิดตลาดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบกว่า 1 ปีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
หุ้นทัพเพอร์แวร์ แบรนด์ส ดิ่งลง 1.2% หลังจากบริษัทประกาศยกเลิกการจ่ายเงินปันผล ซึ่งทำให้ตลาดกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของทัพเพอร์แวร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชั้นดีของสหรัฐ
หุ้นควอลคอม ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 2.1% หลังจากนักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ ได้ปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นควอลคอม
นักลงทุนจับตาปธน.ทรัมป์ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ที่การประชุม Economic Club of New York ในวันนี้ ตามเวลาสหรัฐ เพื่อดูว่าปธน.ทรัมป์จะกล่าวถึงสถานการณ์การค้าระหว่างจีนและสหรัฐหรือไม่
ขณะเดียวกันนักลงทุนยังจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลงต่อสภาคองเกรสเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในวันพุธนี้ เวลา 11.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 23.00 น.ตามเวลาไทย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนต.ค.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB), ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค., ยอดค้าปลีกเดือนต.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนต.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนพ.ย. จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย.