ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน และเหตุการณ์รุนแรงในฮ่องกง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.02% ปิดที่ 405.34 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,198.37 จุด ลดลง 30.19 จุด หรือ -0.23% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,328.54 จุด ลดลง 30.84 จุด หรือ -0.42% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,893.82 จุด เพิ่มขึ้น 4.12 จุด หรือ +0.07%
ตลาดยังคงถูกกดดัน เนื่องจากนักลงทุนกังวลกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า เขาไม่เห็นด้วยต่อการยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกับสถานการณ์วุ่นวายในฮ่องกง หลังสื่อรายงานว่าเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในการชุมนุมประท้วงรัฐบาลฮ่องกง ขณะที่ตำรวจได้ยิงกระสุนจริงเข้าใส่ผู้ประท้วงรายหนึ่ง
หุ้นกลุ่มธนาคารที่ดำเนินธุรกิจในเอเชียปรับตัวลง โดยหุ้นเอชเอสบีซี ลบ 1.39% และหุ้น สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ลบ 1.85%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลงด้วย หลังจากจีนซึ่งเป็นผู้ใช้โลหะรายใหญ่เปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ร่วงลง 1.6% ในเดือนต.ค.ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดในรอบกว่า 3 ปี
หุ้นเกล็นคอร์ ร่วง 3.50% และหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วง 2.66%
หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นโรลส์-รอยซ์ ร่วง 4.79% และหุ้นเรโนลต์ ลบ 1.24%