ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (13 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน และนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบที่รุนแรงขึ้นในฮ่องกง ขณะที่ตลาดหุ้นสเปนปรับตัวแย่กว่าตลาดอื่นๆ เนื่องจากมีความไม่แน่นอนทางการเมืองมากขึ้น หลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.26% ปิดที่ 405.86 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,907.09 จุด ลดลง 12.66 จุด หรือ -0.21%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,230.07 จุด ลดลง 53.44 จุด หรือ -0.40% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,351.21 จุด ลดลง 14.23 จุด, -0.19%
ตลาดยังคงถูกกดดัน เนื่องจากนักลงทุนกังวลกับความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อทำข้อตกลงการค้าขั้นต้นระหว่างสหรัฐ-จีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวในการแสดงสุนทรพจน์เมื่อวานนี้ว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน หากสหรัฐไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน
หุ้นกลุ่มธนาคารถ่วงตลาดลงมากที่สุด โดยธนาคารที่ทำธุรกิจในฮ่องกง อาทิ เอชเอสบีซี และ สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ปรับตัวลง 2.07% และ 0.59% ตามลำดับ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการประท้วงรุนแรงในฮ่องกงซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของเอเชีย
หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ ปรับตัวลงด้วย เนื่องจากหุ้นทุลโลว์ ออยล์ ร่วง 21% หลังปรับลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันและกระแสเงินสดในปีนี้
ตลาดหุ้นสเปนร่วงลงมากที่สุดในบรรดาตลาดหุ้นยุโรป หลังพรรคสังคมนิยมและพรรคยูนิแดส โปเดมอส ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยข้อมูล GDP ของเยอรมนีในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งคาดว่าบ่งชี้ถึงภาวะถดถอยทางเทคนิค