ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) ขานรับข่าวสหรัฐประกาศขยายเวลาอีก 90 วันให้แก่บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ในการซื้อสินค้าจากบริษัทสหรัฐ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิป โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่เป็นซัพพลายเอร์ของหัวเว่ย อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนยังคงรอความชัดเจนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,036.22 จุด เพิ่มขึ้น 31.33 จุด หรือ +0.11% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,122.03 จุด เพิ่มขึ้น 1.57 จุด หรือ +0.05% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,549.94 จุด เพิ่มขึ้น 9.11 จุด หรือ +0.11%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐประกาศขยายเวลาอีก 90 วันให้แก่หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ในการซื้อสินค้าจากบริษัทสหรัฐต่อไปเพื่อให้บริการต่อลูกค้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 ที่สหรัฐขยายเวลาให้กับหัวเว่ย นับตั้งแต่ที่ทางบริษัทถูกขึ้นบัญชีดำในเดือนพ.ค.อันเนื่องจากเหตุผลด้านความมั่นคง
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิปดีดตัวขึ้นขานรับข่าวดังกล่าว โดยหุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 3.9% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) ทะยานขึ้น 3.4% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ปรับตัวขึ้น 0.2% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 0.25% หุ้นเน็ตฟลิตซ์ พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นอเมซอนดอทคอม เพิ่มขึ้น 0.7% หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 0.5% หุ้นอินเทล ปรับตัวขึ้น 0.5%
หุ้น defensive stocks ซึ่งเป็นหุ้นที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฏจักรทางเศรษฐกิจได้ดีเช่นหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคนั้น ได้รับแรงซื้อส่งเข้าหนุนเช่นกัน โดยหุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) พุ่งขึ้น 1.12% หุ้นเป๊ปซี่โค เพิ่มขึ้น 0.2% หุ้นโคคา-โคลา เพิ่มขึ้น 0.7%
หุ้นโคตี้ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องสำอางรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 2.6% หลังจากบริษัทประกาศเข้าซื้อหุ้นในธุรกิจเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของบริษัทไคลี เจนเนอร์ ในวงเงิน 600 ล้านดอลลาร์
หุ้นเอชพี อิงค์ ปรับตัวลง 0.8% หลังจากคณะกรรมการบริหารของเอชพีได้ปฏิเสธข้อเสนอเทคโอเวอร์วงเงิน 3.35 หมื่นล้านดอลลาร์จากบริษัทซีร็อกซ์ โฮลดิ้งส์ คอร์ป เนื่องจากข้อเสนอจากซีร็อกซ์ทั้งในรูปเงินสดและหุ้นนั้น มีมูลค่าต่ำกว่าธุรกิจของเอชพี และทางคณะกรรมการของเอชพีได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับระดับหนี้สินที่สูงเกินไป หากทั้งสองบริษัทควบรวมกิจการกัน
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบ WTI เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลงเกือบ 1% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 1.7% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ร่วงลง 2.6% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 1.5%
นักลงทุนยังคงรอความชัดเจนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยล่าสุดสำนักข่าว CNBC รายงานว่า เจ้าหน้าที่จีนไม่มีความเชื่อมั่นต่อการเจรจาการค้ากับสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ปฏิเสธที่จะยกเลิกการปรับเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีน โดยท่าทีดังกล่าวของสหรัฐได้สร้างความไม่พอใจให้กับจีน เนื่องจากจีนมองว่าทั้งสองฝ่ายเคยตกลงกันในเรื่องนี้แล้ว
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 1 จุด สู่ระดับ 70 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค., คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 29-30 ต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนพ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนต.ค.จาก Conference Board, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน