ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงอย่างหนัก หลังจากโฮม ดีโปท์ และโคห์ลส์ คอร์ป ซึ่งเป็นสองบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ต่ำกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก หากสหรัฐและจีนยังคงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,934.02 จุด ลดลง 102.20 จุด หรือ -0.36% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,120.18 จุด ลดลง 1.85 จุด หรือ -0.06% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,570.66 จุด เพิ่มขึ้น 20.72 จุด หรือ +0.24%
โฮม ดีโปท์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้ในไตรมาส 3 ที่ระดับ 2.722 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 2.753 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนยอดขายเพิ่มขึ้นเพียง 3.6% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.7%
โคห์ลส์ คอร์ป ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3 ที่ระดับ 4.36 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 4.40 พันล้านดอลลาร์ ส่วนยอดขายเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.8%
ผลประกอบการที่ย่ำแย่ของโฮม ดีโปท์ และโคห์ลส์ คอร์ป ได้ฉุดราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลง โดยหุ้นโฮม ดีโปท์ ร่วงลง 5.4% หุ้นโคห์ลส์ คอร์ป ทรุดฮวบลง 19.5% หุ้นเมซีส์ อิงค์ ดิ่งลง 10.9% หุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ร่วงลง 6.9% หุ้นนอร์ดสตรอม ดิ่งลง 6.2% หุ้นโลว์ส ลดลง 1.4% และหุ้นเบสท์ บาย ร่วงลง 2.5% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลง 1.24%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 3% เมื่อคืนนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด โดยหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.7% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 1.02% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ดิ่งลง 2.9% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 1.2% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทรุดลง 13.7% และหุ้นอาปาเช คอร์ป ร่วงลง 2.6%
หุ้นโบอิ้ง ปรับตัวลง 0.6% หลังจากราคาหุ้นพุ่งขึ้นกว่า 1% ในช่วงแรก ขานรับข่าวโบอิ้งคว้าคำสั่งซื้อเครื่องบิน 737 MAX จำนวน 50 ลำเมื่อวานนี้ ในงาน Dubai Air Show
นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยล่าสุดปธน.ทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก หากสหรัฐและจีนยังคงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้า ขณะที่นายแกรี่ โคห์น อดีตหัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า เขาเชื่อว่าปธน.ทรัมป์จะเดินหน้าเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในวันที่ 15 ธ.ค. หากทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถทำข้อตกลงการค้าร่วมกันได้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.314 ล้านยูนิต จากระดับ 1.266 ล้านยูนิตในเดือนก.ย. ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 29-30 ต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนพ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนต.ค.จาก Conference Board, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน