ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน หลังจากสหรัฐสร้างความไม่พอใจให้กับจีนอีก โดยรัฐสภาสหรัฐได้อนุมัติกฎหมายเพื่อสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,238.55 จุด ลดลง 23.94 จุด หรือ -0.33%
ตลาดปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า เจ้าหน้าที่การค้าของสหรัฐพร้อมที่จะพบปะกับเจ้าหน้าที่การค้าของจีนในการเจรจาการค้ารอบใหม่ แต่ยังไม่ได้ยืนยันกำหนดวันเจรจาที่แน่นอน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานในวันพุธว่า สหรัฐและจีนอาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกภายในสิ้นปีนี้ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการค้า และบุคคลใกล้ชิดกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า การบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกอาจมีการเลื่อนออกไปเป็นปีหน้า ขณะที่จีนต้องการให้สหรัฐยกเลิกภาษีมากขึ้น
นอกจากนี้ การที่รัฐสภาสหรัฐอนุมัติกฎหมาย Hong Kong Human Rights and Democracy Act ในสัปดาห์นี้ เพื่อให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ก็ยิ่งเพิ่มความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน
หุ้นกลุ่มการเงินและบริษัทน้ำมันที่ทำธุรกิจในเอเชียปรับตัวลงจากข่าวความขัดแย้งดังกล่าว โดยหุ้นเอชเอสบีซี ลบ 1.16%, หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ลบ 0.99% และ หุ้นเชลล์ ลบ 0.56%
หุ้นรอยัล เมล ดิ่งลง 14.20% หลังบริษัทเปิดเผยว่า แผนการฟื้นฟูบริษัทประสบกับความล่าช้า เนื่องจากปัญหาด้านแรงงาน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจในสหราชอาณาจักร