ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (22 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับความเห็นเชิงบวกเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,875.62 จุด เพิ่มขึ้น 109.33 จุด หรือ +0.39%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,110.29 จุด เพิ่มขึ้น 6.75 จุด หรือ +0.22% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,519.88 จุด เพิ่มขึ้น 13.67 จุด หรือ +0.16%
แต่ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลง 0.5% ขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ลดลง 0.3%
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มการเงิน บวก 0.76% ขณะที่หุ้นลบนำโดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งลดลง 0.54%
ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วัน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนในไม่ช้านี้ ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนระบุว่า จีนจะร่วมมือกับสหรัฐในการทำข้อตกลงการค้าเฟสแรกบนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน และความเท่าเทียมกัน
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐยังได้แรงหนุนจากการที่ ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงินเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.9 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน หลังจากแตะระดับ 50.9 ในเดือนต.ค.
ส่วนผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 96.8 ในเดือนพ.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่า ดัชนีจะลดลงสู่ระดับ 94.9 หลังจากแตะระดับ 95.5 ในเดือนต.ค.
หุ้นนอร์ดสตรอม ซึ่งดำเนินธุรกิจห้างสรรพสินค้า พุ่งขึ้น 10.58% หลังเปิดเผยผลกำไรไตรมาส 3 สูงเกินคาด
หุ้นจี.เอ็ม. สมักเคอร์ ดีดตัวขึ้น 4.08% หลังจากร่วงลงในช่วงแรกจากการเปิดเผยยอดขายที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2 และปรับลดคาดการณ์ผลกำไรทั้งปีลง
ส่วนหุ้นเทสลา ร่วง 6.14% หลังเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า "Cybertruck" โดยมีราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 40,000 ดอลลาร์