ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) ท่ามกลางภาวะซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐเปิดทำการซื้อขายเพียงครึ่งวันหลังจากที่ปิดทำการในวันพฤหัสบดีเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า โดยภาวะการซื้อขายยังคงถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามอนุมัติกฎหมายสนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับจีนอย่างมาก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,051.41 จุด ลดลง 112.59 จุด หรือ -0.40%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,140.98 จุด ลดลง 12.65 จุด หรือ -0.40% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,665.47 จุด ลดลง 39.70 จุด หรือ -0.46%
แต่ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 0.6%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1% และดัชนี Nasdaq บวก 1.7% และตลอดทั้งเดือนพ.ย. ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 3.7%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 3.4% และดัชนี Nasdaq บวก 4.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายเดือนมากที่สุดสำหรับดัชนีทั้ง 3 ตัวนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนี S&P 500 ปิดลบในวันศุกร์ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน ลดลง 1.01%
ตลาดถูกกดดัน เนื่องจากนักลงทุนกังวลกับสถานการณ์การค้าสหรัฐ-จีนที่กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามบังคับใช้กฎหมาย "Hong Kong Human Rights and Democracy Act" เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยกฎหมายดังกล่าวจะคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนต้องรับผิดชอบในการทำลายเสรีภาพขั้นพื้นฐานและการปกครองตนเองในฮ่องกง
การตัดสินใจดังกล่าวของปธน.ทรัมป์สร้างความไม่พอใจให้กับจีนในช่วงเวลาที่สหรัฐและจีนยังคงเดินหน้าเจรจาการค้า โดยกระทรวงการต่างประเทศจีนประกาศว่า จีนไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาดที่สหรัฐลงนามร่างกฎหมายสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง และจีนจะดำเนินมาตรการตอบโต้กับสิ่งที่จีนมองว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายใน
นอกจากนี้ บรรดานักลงทุนยังจับตาหุ้นกลุ่มค้าปลีกในวันแบล็ค ฟรายเดย์ หรือวันศุกร์หลังวันขอบคุณพระเจ้า เนื่องจากถือเป็นวันเริ่มต้นฤดูกาลจับจ่ายใช้สอยก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาส
หุ้นวอลมาร์ท ปรับตัวขึ้น 0.28% ขณะที่หุ้นอเมซอน.คอม ลดลง 0.97%
ซีเอ็นบีซีรายงานข้อมูลจากอะโดบี อนาลิติค ระบุว่า ยอดช็อปปิ้งออนไลน์ในวันแบล็ค ฟรายเดย์ มีแนวโน้มแตะระดับสูงถึง 7.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อะโดบีระบุว่า นักช็อปซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ 4.2 พันล้านดอลลาร์ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันขอบคุณพระเจ้า เพิ่มขึ้น 14.5% เมื่อเทียบรายปี และแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสหรัฐทั้ง 3 ตัวปิดแดนลบในวันศุกร์ หลังจากปรับตัวขึ้นทำนิวไฮต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันในวันพุธที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนขานรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2562 โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับอัตราการขยายตัวของ GDP ประจำไตรมาส 3/2562 อยู่ที่ระดับ 2.1% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งแรกที่ระดับ 1.9%
สำหรับภาวะซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างเบาบางในวันศุกร์ โดยตลาดปิดทำการครึ่งวันในเวลา 13.00 น.ตามเวลาสหรัฐ