ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 268.37 จุด วิตกภาคการผลิตสหรัฐหดตัว,"ทรัมป์"เปิดศึกการค้ารอบใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 3, 2019 06:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) หลังจากดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมนำเข้าจากบราซิลและอาร์เจนตินา โดยอ้างว่าทั้งสองประเทศได้ลดค่าเงินลงอย่างมาก ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเกษตรกรของสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,783.04 จุด ร่วงลง 268.37 จุด หรือ -0.96% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,113.87 จุด ลดลง 27.11 จุด หรือ -0.86% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,567.99 จุด ลดลง 97.48 จุด หรือ -1.12%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงหลังจากผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 48.1 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 48.3 ในเดือนต.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.4 โดยดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ทั้งนี้ ภาคธุรกิจของสหรัฐมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกหดตัวลงตั้งแต่เดือนก.ค. โดยการบริโภค คำสั่งซื้อใหม่ สต็อกสินค้าคงคลังเพื่อการส่งออกและนำเข้า หดตัวลงเช่นกัน ขณะที่ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นลดลงด้วย

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลครั้งใหม่เกี่ยวกับมาตรการทางการค้าที่สหรัฐนำมาใช้กับบรรดาประเทศคู่ค้า โดยปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ว่า เขาจะประกาศเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมนำเข้าจากบราซิลและอาร์เจนตินา โดยระบุว่า บราซิลและอาร์เจนตินาได้ลดค่าเงินลงอย่างมาก ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเกษตรกรของสหรัฐ ดังนั้น สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีเหล็กกล้าและอลูมิเนียมนำเข้าจากบราซิลและอาร์เจนตินา โดยมีผลบังคับใช้ในทันที

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งอ่อนไหวต่อประเด็นการค้านั้น ร่วงลงหนักสุด โดยหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 3.06% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ร่วงลง 2.26% หุ้น 3M ลดลง 1% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ร่วงลง 1.2% หุ้นฮันนีเวลล์ ดิ่งลง 2.4% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก ลดลง 1.15%

ส่วนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิปนั้น หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.16% หุ้นอินเทล ลดลง 0.67% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ร่วงลง 1.35% หุ้นบรอดคอม ร่วงลง 1.74% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ดิ่งลง 2.36% หุ้น Nvidia ร่วงลง 3.46% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1.2% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ร่วงลง 1.17% หุ้นเน็ตฟลิตซ์ ร่วงลง 1.48% และหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ร่วงลง 1.07%

หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 1.5% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์เรย์มอนด์ เจมส์ ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ลงสู่ระดับ "underperform" จากเดิมที่ระดับ "market perform"

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นขานรับกระแสคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะตัดสินใจขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุมสัปดาห์นี้ โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดีดตัวขึ้น 1.4% หุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 0.4% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 4.2% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 0.3%

นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด ขณะที่สื่อบางแห่งรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า สหรัฐและจีนอาจจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกได้ก่อนช่วงปลายเดือนธ.ค.นี้ เนื่องจากบรรกาศการเจรจาของทั้งสองฝ่ายได้รับผลกระทบจากการที่ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายเพื่อสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานยอดการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวันหยุดของสหรัฐ ขณะที่อะโดบี อนาลิติค คาดการณ์ว่า ตลอดเทศกาลวันหยุดช่วงปลายปี ระหว่างวันที่ 1 พ.ย.- 31 ธ.ค. ยอดขายทางออนไลน์ในสหรัฐจะอยู่ที่ 1.438 แสนดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลการค้าเดือนต.ค., ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนเดือนต.ค., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ