ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 2 เดือน โดยตลาดหุ้นเยอรมนี และฝรั่งเศส ดิ่งลงมากกว่า 2% เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการที่สหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้าเหล็กกล้า และอลูมิเนียมจากบราซิล และอาร์เจนตินา
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.58% ปิดที่ 401.01 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,786.74 จุด ร่วงลง 118.42 จุด หรือ -2.01%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,964.68 จุด ร่วงลง 271.70 จุด หรือ -2.05% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,285.94 จุด ลดลง 60.59 จุด หรือ -0.82%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง โดยถูกกดดันจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า สหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้าเหล็กกล้า และอลูมิเนียมจากบราซิลและอาร์เจนตินา โดยกล่าวหาว่า ทั้งสองประเทศปรับลดค่าเงินลง ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับกลุ่มเกษตรกรของสหรัฐ
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคนำตลาดร่วงลง โดยหุ้น Enel ซึ่งเป็นบริษัทด้านสาธารณูปโภคของอิตาลีที่ลงทุนอย่างมากในลาตินอเมริกา ร่วงลง 3.7%
หุ้นกลุ่มผลิตเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม อาทิ หุ้น Norsk Hydro และ หุ้น ArcelorMittal ถ่วงหุ้นกลุ่มวัสดุร่วงลงด้วย โดยหุ้นดังกล่าวลดลง 3.10% และ 1.60% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด โดยหุ้น BHP และหุ้น Rio Tinto ปรับตัวขึ้น 0.51% และ 0.64% ตามลำดับ โดยได้แรงหนุนจากราคาสินแร่เหล็ก และทองแดงที่ปรับตัวขึ้น