ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกับการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอลูมิเนียมจากบราซิลและอาร์เจนตินา และการเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่น่าผิดหวังของสหรัฐ ถ่วงตลาดลอนดอนลงด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,285.94 จุด ลดลง 60.59 จุด หรือ -0.82%
ตลาดปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งด้านการค้าครั้งใหม่ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อวันจันทร์ระบุว่า เขาจะประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากบราซิลและอาร์เจนตินา หลังจากที่ทั้งสองประเทศปรับลดค่าเงิน ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับกลุ่มเกษตรกรของสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ที่ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 48.1 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 48.3 ในเดือนต.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.4
ดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ ซึ่งเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 4 โดยได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และสต็อกสินค้าคงคลัง
หุ้นโอคาโดซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกออนไลน์ ร่วง 5.28% หลังบริษัทประกาศออกหุ้นกู้แปลงสภาพ
หุ้นเบอร์เบอรี่ ซึ่งดำเนินธุรกิจส่วนใหญ่ในเอเชีย ดิ่งลง 4.71% หลังข้อมูลบ่งชี้ว่า ยอดค้าปลีกของฮ่องกงร่วงลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนต.ค. เนื่องจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลส่งผลกระทบต่อการใช้จ่าย และทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง