ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (3 ธ.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ส่งสัญญาณว่า การบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจล่าช้าออกไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีหน้า ซึ่งการส่งสัญญาณดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า การเจรจาการค้าอาจยืดเยื้อและส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ ที่ 27,502.81 จุด ร่วงลง 280.23 จุด หรือ -1.01% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,093.20 จุด ลดลง 20.67 จุด หรือ -0.66% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,520.64 จุด ลดลง 47.34 จุด หรือ -0.55%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่กรุงลอนดอนเมื่อวานนี้ว่า อาจจะเป็นการดีกว่าที่จะรอจนกระทั่งหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้าสำหรับการบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน พร้อมกับกล่าวว่า เขาไม่มีกำหนดเส้นตายในการบรรลุข้อตกลงการค้า
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อนายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐยืนยันว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ตามกำหนด นอกเสียจากว่าการเจรจาจะมีความคืบหน้า
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์เวดบุช ในเมืองซานฟรานซิสโก กล่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ ประกอบกับการที่สหรัฐเปิดศึกการค้ากับอีกหลายประเทศรวมถึงฝรั่งเศส อาร์เจนตินา และบราซิลนั้น ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้น
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและบริษัทผลิตชิปร่วงลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า โดยหุ้นอินเทล ร่วงลง 2.76% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลง 2.5% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.78% หุ้นอเมซอนดอทคอม ลดลง 0.65% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ลดลง 0.94% หุ้น Nvidia ลดลง 0.7% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปดิ่งลง 1.5% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.ปีนี้
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งมีความอ่อนไหวของข้อพิพาทการค้า ปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้น 3M ร่วงลง 1.8% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดิ่งลง 2.03% หุ้นฮันนีเวลล์ ร่วงลง 1.02% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก ร่วงลง 1.5% หุ้นโบอิ้ง ลดลง 0.87% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ปรับตัวลง 0.8%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐทั้งประเภทอายุ 10 ปีและ 30 ปี ร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 2.5% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดิ่งลง 1.9% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 1.98% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ลดลง 1.3% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ลดลง 1.6% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 1.76%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวผันผวนเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 2.35% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 1.7%หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 0.8% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.7%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า กิจกรรมภาคธุรกิจในนครนิวยอร์กปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนในเดือนพ.ย. โดยเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลการค้าเดือนต.ค., ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนเดือนต.ค., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนต.ค.