ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 150 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 3 วัน
ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ทะยานขึ้นขานรับข่าวที่ว่า สหรัฐและจีนใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก
ณ เวลา 19.32 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 159 จุด หรือ 0.58% สู่ระดับ 27,646 จุด
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า สหรัฐและจีนกำลังใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก แม้ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายประสบความตึงเครียดเกี่ยวกับกรณีของฮ่องกงและซินเจียง
แหล่งข่าวระบุว่า สหรัฐและจีนใกล้ที่จะเห็นพ้องกันเกี่ยวกับการยกเลิกอัตราภาษีนำเข้าสินค้าในการทำข้อตกลงการค้าเฟสแรก
เจ้าหน้าที่รายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม กล่าวว่า การแสดงความเห็นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อวานนี้ ไม่ควรถูกนำมาตีความว่าการเจรจาการค้าได้สะดุดลง เนื่องจากปธน.ทรัมป์กล่าวโดยไม่มีการเตรียมตัวมาก่อน
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ส่งสัญญาณวานนี้ว่า การบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจล่าช้าออกไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีหน้า
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่อีกรายหนึ่งกล่าวว่า การที่สภาคองเกรสสหรัฐออกกฎหมายคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีนในกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนในฮ่องกงและซินเจียง จะไม่มีผลกระทบต่อการเจรจาการค้า
เจ้าหน้าที่ยังกล่าวว่า คณะเจรจาการค้าของสหรัฐมีความหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนก่อนที่สหรัฐมีกำหนดเรียกเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์ในวันที่ 15 ธ.ค.
ขณะนี้ สหรัฐและจีนยังคงหารือกันในประเด็นการหาแนวทางรับประกันว่าจีนจะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐตามที่ตกลงกันไว้ และรายละเอียดของอัตราภาษีนำเข้าสินค้าที่จะมีการยกเลิก
ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงกว่า 400 จุดในการซื้อขายระหว่างวันวานนี้ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ส่งสัญญาณว่า การบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจล่าช้าออกไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีหน้า
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า อาจจะเป็นการดีกว่าที่จะรอจนกระทั่งหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้าสำหรับการบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน
"ผมชอบแนวคิดที่ว่าให้รอจนกระทั่งหลังการเลือกตั้งเพื่อทำข้อตกลงการค้ากับจีน แต่ทางฝ่ายจีนต้องการทำข้อตกลงในขณะนี้ และเราจะดูว่าข้อตกลงนี้มีความเหมาะสมหรือไม่" ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่กรุงลอนดอน
ต่อข้อถามที่ว่า เขามีเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงการค้าหรือไม่ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า "ผมไม่มีเส้นตาย บางทีผมคิดว่ามันเป็นการดีกว่าที่จะรอจนกว่าหลังการเลือกตั้ง"
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายวานนี้ยังถูกกดดันจากการที่ปธน.ทรัมป์เปิดแนวรุกทำสงครามการค้ากับอีกหลายประเทศนอกเหนือจากจีน โดยได้ประกาศเรียกเก็บภาษีต่อเหล็กและอลูมิเนียมนำเข้าจากบราซิลและอาร์เจนตินา พร้อมกับขู่เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากฝรั่งเศส
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ จากการเปิดเผยภาคการผลิตสหรัฐหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4
ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 48.1 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 48.3 ในเดือนต.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.4
ดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ ซึ่งเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 4 โดยได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และสต็อกสินค้าคงคลัง
ภาคการผลิตของสหรัฐเริ่มเข้าสู่ภาวะหดตัวในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี หลังจากที่มีการขยายตัวติดต่อกัน 35 เดือน
ทั้งนี้ ภาคธุรกิจมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกหดตัวลงตั้งแต่เดือนก.ค. โดยการบริโภค คำสั่งซื้อใหม่ สต็อกสินค้าคงคลังเพื่อการส่งออกและนำเข้า หดตัวลงเช่นกัน ขณะที่ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นลดลง
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า โดยนักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 3 ครั้งในปีนี้