ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 ธ.ค.) ตามทิศทางตลาดหุ้นอื่นๆในยุโรปที่ต่างก็ปิดในแดนบวก หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่า สหรัฐและจีนใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,188.50 จุด เพิ่มขึ้น 29.74 จุด หรือ +0.42%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นหลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า สหรัฐและจีนกำลังใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก โดยเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของสหรัฐซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม เปิดเผยว่า คณะเจรจาการค้าของสหรัฐมีความหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนก่อนที่สหรัฐมีกำหนดเรียกเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์ในวันที่ 15 ธ.ค.
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวในการประชุมสุดยอดขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เมื่อวานนี้ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังดำเนินไปอย่างดีมาก ซึ่งท่าทีดังกล่าวของปธน.ทรัมป์สวนทางกับที่เขาได้ส่งสัญญาณเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า การบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจล่าช้าออกไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีหน้า
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น นำโดยหุ้นเอฟราซ พุ่งขึ้น 3.8% ขณะที่อันโตฟากัสตา พุ่งขึ้น 3.2% ส่วนหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง ปรับตัวขึ้น 2%
อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของเงินปอนด์ส่งผลให้ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน โดยเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นหลังผลสำรวจครั้งใหม่บ่งชี้ว่า พรรคอนุรักษ์นิยมมีคะแนนนิยมนำหน้าพรรคอื่นๆ ก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 12 ธ.ค.นี้