ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ในเชิงบวกมากขึ้นเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน และบรรยากาศการซื้อขายยังได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานเดือนพ.ย.ที่แข็งแกร่งเกินคาดด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,239.66 จุด เพิ่มขึ้น 101.81 จุด หรือ +1.43%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวในวันศุกร์ว่า สหรัฐและจีนใกล้บรรลุข้อตกลงทางการค้า ซึ่งสวนทางกับที่เขาส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า การบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน อาจล่าช้าออกไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีหน้า
บรรดานักลงทุนยังคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่จีนระบุว่าจะมีการยกเว้นภาษีถั่วเหลืองและเนื้อหมูบางส่วนที่นำเข้าจากสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 266,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 187,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี จากระดับ 3.6% ในเดือนต.ค.
หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นนำตลาด โดยหุ้นเอชเอสบีซี บวก 1.74%, หุ้นเกล็นคอร์ ปรับตัวขึ้น 1.50% และหุ้นแองโกล อเมริกัน เพิ่มขึ้น 2.43%
หุ้นเบอร์เบอรี่ ปรับตัวขึ้นอีก 2.44% โดยยังคงได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า บริษัทเคอริ่งของฝรั่งเศส อาจเข้าเทคโอเวอร์บริษัทมองแคลร์ของอิตาลี
หุ้นกลุ่มก่อสร้างบ้านพุ่งขึ้นด้วย หลังฮาลิแฟกซ์เปิดเผยราคาบ้านในอังกฤษเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ย.มากที่สุดในรอบ 7 เดือนเมื่อเทียบรายปี