ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ก่อนถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ซึ่งสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้า 15% จากสินค้าจีนวงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการเข้าซื้อหุ้น ขณะที่รอผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 10-11 ธ.ค.นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,909.60 จุด ลดลง 105.46 จุด หรือ -0.38%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,135.96 จุด ลดลง 9.95 จุด หรือ -0.32% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,621.83 จุด ลดลง 34.70 จุด หรือ -0.40%
ตลาดปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ก่อนถึงเส้นตายวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งสหรัฐกำหนดจะเรียกเก็บภาษีนำเข้า 15% จากสินค้าจีนวงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 10-11 ธ.ค.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ หลังจากปรับลดอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 3 ครั้งในปีนี้
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P 500 ปิดลบ โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่ม เฮลธ์แคร์ ร่วงลงมากที่สุด
หุ้นแอปเปิล ลบ 1.40% โดยถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการค้าสหรัฐ-จีน
หุ้นเมอร์ค ปรับตัวลง 0.15% หลังเมอร์คเปิดเผยว่าจะซื้อกิจการของบริษัท ArQule Inc ของสหรัฐ ซึ่งพัฒนายารักษาโรคมะเร็ง เป็นเงิน 2.7 พันล้านดอลลาร์
หุ้น 3M ลดลง 0.96% หลังซิตี้กรุ๊ป ปรับลดคำแนะนำลงทุนหุ้น 3M จาก "ซื้อ" เป็น "ลงทุนปานกลาง"
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐที่จะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ การเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันพรุ่งนี้ และยอดค้าปลีกในวันศุกร์