ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (9 ธ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีน นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายยังได้รับปัจจัยลบจากหุ้นทุลโลว์ ออยล์ของอังกฤษ ที่ดิ่งลงกว่า 60% หลังบริษัทปรับลดแนวโน้มการผลิตน้ำมัน, ระงับการจ่ายเงินปันผล และซีอีโอของบริษัทประกาศลาออกจากตำแหน่ง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลบ 0.24% ปิดที่ 406.39 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,837.25 จุด ลดลง 34.66 จุด หรือ -0.59%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,105.61 จุด ลดลง 60.97 จุด หรือ -0.46% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,233.90 จุด ลดลง 5.76 จุด หรือ -0.08%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง โดยถูกกดดันจากการที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนพ.ย.ร่วงลง 1.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยทำสถิติลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เนื่องจากสงครามการค้ายังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน
ยอดส่งออกเดือนพ.ย.ของจีนร่วงลงหนักกว่าในเดือนต.ค.ที่ปรับตัวลดลงเพียง 0.9% นอกจากนี้ ยังออกมาสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะดีดตัวขึ้น 0.8%
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากหุ้นทุลโลว์ ออยล์ของอังกฤษ ที่ดิ่งลง 65.61% หลังจากที่บริษัทประกาศปรับลดแนวโน้มการผลิตน้ำมัน,ระงับการจ่ายเงินปันผล และซีอีโอของบริษัทประกาศลาออกจากตำแหน่ง
หุ้นในกลุ่มพลังงานร่วงลงตามกัน โดยได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงด้วย
หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ถ่วงตลาดลงด้วย โดยหุ้นซาโนฟี ร่วง 2.03% และหุ้นโรช ลบ 0.45% หลังมีรายงานว่า ทั้งสองบริษัทพยายามจะเข้าเทคโอเวอร์บริษัท Synthorx และบริษัท Spark Therapeutics ของสหรัฐตามลำดับ
บรรดานักลงทุนจะจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 10-11 ธ.ค.นี้, การเลือกตั้งทั่วไปในอังกฤษวันที่ 12 ธ.ค.นี้ และกำหนดเส้นตายที่สหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนในวันที่ 15 ธ.ค.นี้