ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 ธ.ค.) ขณะที่นักลงทุนรอดูความชัดเจนว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติมในวันที่ 15 ธ.ค.นี้หรือไม่ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย เพื่อจับสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,881.72 จุด ลดลง 27.88 จุด หรือ -0.10% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,132.52 จุด ลดลง 3.44 จุด หรือ -0.11% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,616.18 จุด ลดลง 5.64 จุด หรือ -0.07%
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า สหรัฐจะชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติมในวันที่ 15 ธ.ค. แต่ตลาดอ่อนแรงลงหลังจากนั้นไม่นาน เมื่อนายแลร์รี่ คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ได้ออกมายืนยันว่า สหรัฐยังคงพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากจีนในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ตามกำหนด
ทางด้านหนังสือพิมพ์เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์รายงานว่า สหรัฐและจีนไม่มีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกในสัปดาห์นี้ โดยระบุว่าสหรัฐกำลังให้ความสนใจต่อการบรรลุข้อตกลงสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA
กระแสข่าวที่ออกมาหลายทางและค่อนข้างสับสนเมื่อคืนนี้ ทำให้นักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว โดยสหรัฐได้กำหนดเส้นตายในวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งจะมีการเรียกเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนก็ได้ยืนยันที่จะตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐเช่นกัน
หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 3.1% หลังจากนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์นีดแฮมได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเน็ตฟลิกซ์ลงสู่ระดับ "underperform" จากระดับ "hold" โดยคาดว่า เน็ตฟลิกซ์อาจจะสูญเสียสมาชิกจำนวนมากถึง 4 ล้านรายในปีหน้า ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดจากบรรดาบริษัทคู่แข่ง
หุ้นโบอิ้ง ปรับตัวลง 0.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดส่งมอบเครื่องบินลดลงในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ WTI เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเชฟรอน บวก 0.5% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 1.17% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน บวก 0.97%
นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ หลังจากปรับลดอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 3 ครั้งในปีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค.