ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์แทบไม่เคลื่อนไหวในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวแคบในคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะเรียกประชุมที่ปรึกษาเพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าจีนในวันที่ 15 ธ.ค.
ณ เวลา 19.24 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 12 จุด หรือ 0.04% สู่ระดับ 27,936 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 0.11% เมื่อวานนี้ ขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ย พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยยาวจนถึงสิ้นปีหน้า
แหล่งข่าวระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเรียกประชุมบรรดาที่ปรึกษาการค้าระดับสูงในวันนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการเรียกเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์ที่มีกำหนดในวันที่ 15 ธ.ค.
เจ้าหน้าที่การค้าที่จะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวมีทั้งสายเหยี่ยว ซึ่งจะสนับสนุนให้ปธน.ทรัมป์เดินหน้าจัดเก็บภาษีต่อสินค้าจีน โดยอ้างว่าการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐและผู้บริโภคแต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่ดังกล่าวได้แก่ นายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาว ส่วนเจ้าหน้าที่สายพิราบ ซึ่งจะแนะนำให้ปธน.ทรัมป์หลีกเลี่ยงการเก็บภาษีต่อสินค้าจีน ได้แก่ นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ, นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ รวมทั้งนายแลร์รี คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว
นายนาวาร์โรระบุว่า การที่จีนเพิ่มการซื้อถั่วเหลืองและเนื้อสุกรจากสหรัฐในระยะนี้ มีสาเหตุเพียงเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนภายในประเทศ ขณะที่จีนกำลังประสบกับปัญหาโรคไข้หวัดหมู และการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าจีนจะไม่กระทบตลาดหุ้น และเศรษฐกิจสหรัฐ
"สิ่งที่เขาจะกล่าวก็คือการขึ้นภาษีจะไม่เจ็บปวด มีคนบอกว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในช่วง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา จะทำให้ฟ้าถล่มทลาย แต่ตอนนี้เราก็ไม่เห็นฟ้าถล่มทลายแต่อย่างใด" แหล่งข่าวกล่าว
ทางด้านนายเดเรค ซิสเซอร์ส ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนจากสถาบันวิสาหกิจสหรัฐ (AEI) ซึ่งให้คำปรึกษาต่อเจ้าหน้าที่ในทำเนียบขาว กล่าวว่า เขาเชื่อว่าผลการประชุมในวันนี้ที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือ ปธน.ทรัมป์จะตัดสินใจชะลอการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนออกไปอีก 90 วัน จากเดิมที่สหรัฐมีกำหนดเรียกเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์ในวันที่ 15 ธ.ค.