ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความเห็นของนางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) หลังการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน และตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าก่อนเส้นตายวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งสหรัฐกำหนดเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนครั้งใหม่
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.33% ปิดที่ 407.58 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,884.26 จุด เพิ่มขึ้น 23.39 จุด หรือ +0.40%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,221.64 จุด เพิ่มขึ้น 74.90 จุด หรือ +0.57% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,273.47 จุด เพิ่มขึ้น 57.22 จุด หรือ +0.79%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น หลังหุ้นกลุ่มธนาคารในยูโรโซนได้แรงหนุนจากความเห็นของนางลาการ์ดที่ว่า เธอตระหนักถึงผลกระทบข้างเคียงของการดำเนินนโยบายการเงินที่ไม่ปกติของ ECB หลังที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% โดยเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์, คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
นางลาการ์ดกล่าวด้วยว่า ECB คาดว่าจะเริ่มทำการทบทวนด้านกลยุทธ์สำหรับการดำเนินงานในเดือนม.ค. 2563
นักวิเคราะห์รายหนึ่งแสดงความเห็นว่า ดูเหมือนนางลาการ์ดมีแนวโน้มในเชิงคุมเข้มนโยบายเล็กน้อย และจะช่วยให้เศรษฐกิจยูโรโซนฟื้นตัวออกจากภาวะดอกเบี้ยติดลบ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าก่อนเส้นตายวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งสหรัฐกำหนดเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตว่า สหรัฐใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีนแล้ว
หุ้นธนาคารโซซิเอเต เจเนอราลของฝรั่งเศส บวก 2.92%, หุ้นดอยซ์ แบงก์ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 3.38% และหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดของอังกฤษ ทะยานขึ้น 3.88%