ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐและจีนประกาศบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกและระงับกำหนดเส้นตายในการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ นอกจากนี้ ความชัดเจนมากขึ้นสำหรับกระบวนการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) หลังนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ได้ช่วยหนุนตลาดด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 1.09% ปิดที่ 412.02 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,919.02 จุด เพิ่มขึ้น 34.76 จุด หรือ +0.59%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,282.72 จุด เพิ่มขึ้น 61.08 จุด หรือ +0.46% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,353.44 จุด เพิ่มขึ้น 79.97 จุด หรือ +1.10%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐและจีนประกาศบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกแล้ว โดยจีนตกลงที่จะซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น ขณะที่สหรัฐจะระงับการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่วงเงิน 1.60 แสนล้านดอลลาร์ที่กำหนดไว้ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้
หุ้นกลุ่มธนาคาร, หุ้นก่อสร้างบ้าน และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคของอังกฤษปรับตัวขึ้น ขณะที่เงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นจากผลการเลือกตั้งนั้นส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มส่งออก
หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 8.39% และหุ้นเทย์เลอร์ วิมพีย์ พุ่ง 14.68%
หุ้นแอคคอร์ของฝรั่งเศส บวก 2.44% ขณะที่หุ้นเปอโยต์ และหุ้นเคอริ่ง บวก 2.24% และ 1.81% ตามลำดับ
หุ้นโฟล์คสวาเกนของเยอรมนี บวก 2.07% และหุ้นไบเออร์ เพิ่มขึ้น 1.73%
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มการเดินทางและสันทนาการของยุโรปยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มสายการบินของอังกฤษที่อ่อนไหวต่อประเด็น Brexit อาทิ หุ้นอีซีเจ็ท พุ่ง 7.93% และหุ้นไรอัน แอร์ เพิ่มขึ้น 3.52%