ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่พรรคอนุรักษ์นิยมของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษชนะการเลือกตั้งทั่วประเทศ ซึ่งทำให้ตลาดมั่นใจมากขึ้นว่า อังกฤษมีแนวโน้มที่จะเดินหน้าแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างเป็นระเบียบ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐและจีนประกาศบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก และสหรัฐระงับการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่กำหนดไว้ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,353.44 จุด เพิ่มขึ้น 79.97 จุด หรือ +1.10%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค, กลุ่มค้าปลีก, กลุ่มก่อสร้างบ้าน และกลุ่มธนาคาร โดยนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มดังกล่าว หลังจากผลการเลือกตั้งหนุนความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับ Brexit
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐและจีนประกาศบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกแล้ว โดยจีนตกลงที่จะซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น ขณะที่สหรัฐจะระงับการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่วงเงิน 1.60 แสนล้านดอลลาร์ที่กำหนดไว้ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้
แต่เงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 19 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์หลังการประกาศผลการเลือกตั้งอังกฤษนั้น กดดันหุ้นกลุ่มส่งออก
หุ้นกลุ่มก่อสร้างบ้านพุ่งขึ้น อาทิ หุ้นเทย์เลอร์ วิมพีย์ พุ่ง 14.68% และหุ้นเพอร์ซิมมอน พุ่งขึ้น 12.01%
หุ้นกลุ่มสายการบินที่อ่อนไหวต่อประเด็น Brexit ปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นอีซีเจ็ท พุ่ง 7.93% และหุ้นไรอัน แอร์ เพิ่มขึ้น 3.52%