ดัชนีดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุด ดีดตัวขึ้นเป็นวันที่ 4 โดยยังคงได้ปัจจัยบวกจากการที่สหรัฐและจีนประกาศบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ณ เวลา 21.37 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 28,262.86 จุด บวก 127.48 จุด หรือ 0.45%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุเมื่อวันศุกร์ว่า สหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีน และสหรัฐจะไม่เรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนในวันที่ 15 ธ.ค.
อย่างไรก็ดี สหรัฐจะยังคงเก็บภาษี 25% ต่อสินค้าจีนวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ และเก็บภาษี 7.5% ต่อสินค้าจีนวงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์
ปธน.ทรัมป์ยังระบุว่า จีนได้ตกลงที่จะทำการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างหลายประการ และจะเพิ่มการซื้อสินค้าเกษตร พลังงาน และสินค้าในภาคการผลิตของสหรัฐ
นอกจากนี้ สหรัฐและจีนจะเริ่มการเจรจาข้อตกลงการค้าเฟสสองโดยทันที แทนที่จะรอจนกว่าหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า
ขณะเดียวกัน ทางการจีนได้จัดการแถลงข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเมื่อวันศุกร์ โดยยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก โดยการเจรจามีความคืบหน้าอย่างมาก
นอกจากนี้ จีนยังระบุว่า สหรัฐจะทยอยยกเลิกการจัดเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน ขณะที่จีนจะเพิ่มการซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐ แต่ไม่มีการระบุวงเงินแต่อย่างใด
สำหรับขั้นตอนต่อไป ทั้งสองฝ่ายจะนำข้อตกลงดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา และกำหนดวันในการลงนามต่อข้อตกลง
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่แข็งแกร่ง หลังการเปิดเผยตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีกพุ่งขึ้นในเดือนพ.ย.
อย่างไรก็ดี ช่วงบวกของดัชนีดาวโจนส์ถูกจำกัดจากการทรุดตัวลง 4% ของราคาหุ้นโบอิ้ง หลังมีข่าวว่าบริษัทอาจประกาศแผนการระงับการผลิตเครื่องบินรุ่น 737 MAX ในวันนี้ หลังจากสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) ระบุว่า FAA ไม่มีแนวโน้มที่จะให้ใบอนุญาตการบินแก่เครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737 MAX จนกว่าจะถึงปีหน้า
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ขยับขึ้น 0.6 จุด สู่ระดับ 3.5 ในเดือนธ.ค.
อย่างไรก็ดี ดัชนีภาคการผลิตต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.0
คำสั่งซื้อใหม่ปรับตัวลงในเดือนธ.ค. แต่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นต่อภาวะธุรกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ขณะที่มีแผนใช้จ่ายทุนมากขึ้น
ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก