ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันปีใหม่
สำหรับการซื้อขายครั้งล่าสุด ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การค้าระหว่างจีนและสหรัฐ และขานรับแนวโน้มที่เป็นบวกของการลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างจีนและสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,538.44 จุด บวก 76.30 จุด หรือ 0.27% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,230.78 จุด บวก 9.49 จุด หรือ 0.29% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 8,972.60 จุด บวก 26.61 จุด หรือ 0.30%
สำหรับตลอดทั้งปีที่ผ่านมานั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยเมื่อพิจารณาตลอดทั้งปี 2562 แล้ว ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 22.3% ส่วนดัชนี S&P 500 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 28.9% และดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้นถึง 35.2%
ตัวเลขเหล่านี้ล้วนปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจ แม้เผชิญกับความไม่แน่นอนจากการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ประกอบกับกระแสความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และแนวโน้มที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง
การซื้อขายในตลาดหุ้นได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึง 3 ครั้ง ขณะเดียวกัน ข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐก็เริ่มส่งสัญญาณดีขึ้นในช่วงท้ายปี
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า เขาจะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง หลังจากลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนที่ทำเนียบขาวในวันที่ 15 ม.ค.
"ผมจะเซ็นข้อตกลงการค้าเฟสแรกที่ครอบคลุมและมีขนาดใหญ่มากกับจีนในวันที่ 15 ม.ค. พิธีลงนามจะจัดขึ้นที่ทำเนียบขาว โดยจะมีผู้แทนระดับสูงของจีนเข้าร่วมในพิธี จากนั้นผมจะเดินทางเยือนปักกิ่ง เพื่อเริ่มต้นการเจรจาเฟสสอง!" ทรัมป์เปิดเผยผ่านทางทวิตเตอร์
ก่อนหน้านี้ นายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาการค้าประจำทำเนียบขาว เพิ่งออกมาเปิดเผยว่า สหรัฐและจีนจะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกในช่วงต้นปีหน้า
"เรามีแนวโน้มลงนามในข้อตกลงภายในสัปดาห์หน้า หรือราวๆนั้น เราเพียงแต่รอการแปลเอกสาร" นายนาวาร์โรกล่าว