ดาวโจนส์ประเดิมปีใหม่ร้อนแรง ทะยานขึ้น 200 จุดทำนิวไฮ ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 3, 2020 00:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดดีดตัวขึ้น 200 จุดแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้นในคืนนี้ ซึ่งเป็นการซื้อขายในวันแรกของปี 2563 ต่อเนื่องจากที่ได้ทะยานขึ้นในปี 2562

ณ เวลา 00.43 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 28,738.51 จุด บวก 200.07 จุด หรือ 0.70%

วันนี้นับเป็นวันที่ 6 ของช่วงซานต้า แรลลี่ของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ซึ่งมักเกิดขึ้นเป็นเวลา 7 วันทำการ โดยมีขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปี รวมทั้ง 2 วันแรกของปีใหม่

จากการรวบรวมสถิติการปรับตัวของตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วง 7 วันของซานต้า แรลลี่ พบว่า ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นเฉลี่ย 1.3% ในช่วงเวลาดังกล่าวนับตั้งแต่ปี 2493 หรือในช่วงเวลาเกือบ 70 ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 22.3% ในปี 2562 ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดตัวขึ้น 28.9% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2556 ส่วนดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้น 35.2% แม้ตลาดหุ้นเผชิญกับความไม่แน่นอนจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และแนวโน้มที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง แต่ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึง 3 ครั้ง ขณะที่ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนก็เริ่มส่งสัญญาณดีขึ้นในช่วงท้ายปี

ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับเจ้าหน้าที่การค้าของจีนที่ทำเนียบขาวในวันที่ 15 ม.ค. ก่อนที่จะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งเพื่อเริ่มต้นการเจรจาการค้าเฟสสอง

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของสถาบันการเงิน 0.50% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 6 ม.ค. ซึ่งจะเป็นการอัดฉีดสภาพคล่อง 8 แสนล้านหยวน หรือ 1.14 แสนล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

เจ้าหน้าที่จีนกล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยชดเชยผลกระทบจากความต้องการเงินสดในช่วงก่อนถึงเทศกาลตรุษจีน และช่วยให้สภาพคล่องโดยรวมในระบบธนาคารมีเสถียรภาพ

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 225,000 ราย

ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 4,750 ราย สู่ระดับ 233,250 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2561

สำหรับจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ธ.ค. มีจำนวนเพิ่มขึ้น 5,000 ราย สู่ระดับ 1.73 ล้านราย

นอกจากนี้ ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 52.4 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 52.6 ในเดือนพ.ย.

อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว

ดัชนี PMI ได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ และการพุ่งขึ้นของการจ้างงาน ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจฟื้นตัวขึ้น

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐประจำวันที่ 10-11 ธ.ค.ในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งการเปิดเผยตัวเลขภาคการผลิตของ ISM


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ