ดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (2 ม.ค.) ขานรับข่าวธนาคารกลางจีนประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงิน ด้วยการปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของสถาบันการเงิน (RRR) รวมทั้งความคืบหน้าในการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มอุตสาหกรรมอย่างคักคัก เนื่องจากบริษัทรายใหญ่หลายแห่งในทั้งสองภาคส่วนนี้มีการลงทุนจำนวนมากในประเทศจีน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย เพื่อจับสัญญาณแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,868.80 จุด พุ่งขึ้น 330.36 จุด หรือ +1.16% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,257.85 จุด เพิ่มขึ้น 27.07 จุด หรือ +0.84% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,092.19 จุด เพิ่มขึ้น 119.58 จุด หรือ +1.33%
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์อินเวอร์เนส คอนเซล ในรัฐนิวยอร์ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวธนาคารกลางจีนประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองของสถาบันการเงิน (RRR) ลง 0.50% ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.นี้เป็นต้นไป โดยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริง
นอกเหนือจากข่าวธนาคารกลางจีนปรับลด RRR แล้ว ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากความคืบหน้าของการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันว่า เขาจะลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับเจ้าหน้าที่การค้าของจีนที่ทำเนียบขาวในวันที่ 15 ม.ค. ก่อนที่จะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งเพื่อเริ่มต้นการเจรจาการค้าเฟสสอง
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ซีเอ็มซี มาร์เก็ตส์กล่าวว่า ความคืบหน้าด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ และการที่ธนาคารกลางจีนปรับลด RRR เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ทำให้นักลงทุนมองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปี 2563 จะอยู่ในทิศทางที่แข็งแกร่ง และช่วยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 22.3% ในปี 2562 ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดตัวขึ้น 28.9% และดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้น 35.2%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้นขานรับสัญญาณบวกดังกล่าว โดยหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 2.3% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดีดขึ้น 1.9% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก ทะยานขึ้น 6.9% หุ้น 3M บวก 2.03% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก บวก 1.6% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 2.6%
หุ้นบริษัทเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิปปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.28% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.85% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดีดตัวขึ้น 2.2% หุ้นเน็ตฟลิตซ์ บวก 1.9% หุ้นอเมซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นเฟซบุ๊ก บวก 2.2% หุ้นอินเทล เพิ่มขึ้น 1.6% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 3% หุ้น Nvidia เพิ่มขึ้น 1.9% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) พุ่งขึ้น 7.0%
หุ้นกลุ่มบริษัทกาสิโนพุ่งขึ้นขานรับรายงานที่ว่า รายได้ของธุรกิจกาสิโนในมาเก๊าลดลงน้อยกว่าคาดในเดือนธ.ค. โดยหุ้นวินน์ รีสอร์ท พุ่งขึ้น 3.4% หุ้นลาเวกัส แซนด์ คอร์ป พุ่งขึ้น 2.5% และหุ้นเมลโค รีสอร์ท แอนด์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ทะยานขึ้น 3.9%
หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 2.9% หลังจากนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า รายงานการผลิตและผลประกอบการไตรมาส 4/2562 ของเทสลาจะออกมาแข็งแกร่ง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดและเป็นปัจจัยหนุนตลาดเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 225,000 ราย
นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย เพื่อจับสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้